‘ปชช.ทวงความยุติธรรม 53’ จัดกิจกรรมรำลึกเหตุสลายม็อบเสื้อแดง 10 เม.ย. ‘ธิดา’ ยันคนเสื้อแดงต่อสู้กับเผด็จการ ไม่ใช่เพื่อใคร ลั่นไม่ร่วมขบวนการหมุนทวนกงล้อประวัติศาสตร์ ร่วมมือกลุ่มจารีตอำนาจนิยมต่ออำนาจวงจรอุบาทว์ ด้าน ‘วิโรจน์’ ชี้ต้องสร้างภูมิคุ้มกัน หยุดกระบวนการชั่วช้าสามานย์ ไม่ให้ทำร้ายคนเจนต่อไป พร้อมเดินหน้าแก้กม.กองทัพ สกัดปกป้องอาชญากรที่เข่นฆ่าปชช.-ต้องขึ้นศาลพลเรือน
เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา คณะประชาชนทวงความยุติธรรม 2553 จัดกิจกรรม “15 ปี รำลึก เมษา-พฤษภาคม 53” โดยมี นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช. รวมถึงตัวแทนพรรคการเมือง เช่น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน
โดยภายในงานมีการประกอบพิธีทางศาสนา รวมถึงการวางพวงหรีดเพื่อเป็นการสดุดี และเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับในเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 ที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ในสมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี
โดยนางธิดากล่าวตอนหนึ่งว่า สำหรับการจัดกิจกรรมปีนี้มีการแบ่งเป็น 2 เวที ซึ่งไม่ใช่เจตนารมณ์ของพวกเรา ซึ่งเจตนารมณ์ของวีรชนในการต่อสู้ไม่ได้ต่อสู้เพื่อใครคนเดียว แต่ต่อสู้กับเผด็จการทหารที่มาทำร้ายประชาชน ซึ่งเราเคารพหัวใจของทุกคน ว่าทุกคนเป็นสหายร่วมศึก ซึ่งเวลานั้นบางคนอาจเป็นกองเชียร์พรรคการเมือง หรือบางคนอาจเป็นนักต่อสู้อิสระก็ตาม แต่การต่อสู้นั้นเป็นการต่อสู้กับเผด็จการที่ใช้อาวุธเพื่อทำร้ายประชาชนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย สำหรับคำนิยามของเราคือ ‘นิรโทษกรรมคนเป็น และทวงความยุติธรรมให้คนตาย’ ทั้งนี้เราไม่ได้ทวงคืนให้เฉพาะคนปี’53 แต่เราทวงคืนให้กับทุกคน ฉะนั้นเราอยากส่งสารไปยังพรรคเพื่อไทย เรายังถือพวกคุณเป็นมิตรสหายศึกในอดีต แต่ทุกครั้งที่คุณเป็นรัฐบาล สิ่งที่คุณต้องการคือเป็นรัฐบาลยาวนาน แต่กลับยังไม่เข้าใจสังคมไทยดีเพียงพอ และยังไม่เข้าใจว่าในประเทศไทย ความขัดแย้งหลักคือความขัดแย้งกับระบอบเก่า จารีต อำนาจนิยม ที่ขัดแย้งกับประชาชน ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร กับนายสนธิ ลิ้มทองกุล หรือนายทักษิณกับใคร ซึ่งต้องตีความตรงนี้ให้ถูกต้อง
ทั้งนี้ อุดมการณ์ของเราชัดเจน คือเราจะไม่ร่วมกับคน หรือผู้ที่หมุนทวนกงล้อประวัติศาสตร์ คนที่หมุนทวนที่ได้ร่วมมือกับกลุ่มจารีตอำนาจนิยมเพื่อต่ออำนาจให้เกิดวงจรอุบาทว์ เพื่อสามารถจัดการกับประเทศไทย จึงถือเป็นอุปสรรคต่อการต่อสู้ของประชาชน ดังนั้นเวทีนี้มีหลักการและมีนิยามตามที่ตนได้บอก นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่เราต้องทำในวันนี้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรี เกียรติยศของวีรชนและคนเสื้อแดง ไม่ให้มีการบิดเบือนว่าคนเหล่านี้ทำเพื่อพรรคการเมือง หรือเพื่อคนคนเดียว โดยเราจะปกป้องเขาทุกการต่อสู้ของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ 14 ตุลา, 6 ตุลา 19 หรือพฤษภา 35 เพื่อให้คนเสื้อแดงและคนรุ่นใหม่เห็นเป็นประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชน ไม่ใช่ว่าเป็นยุคของคนเสื้อแดง หรือเป็นยุคของพลพรรคทางการเมือง
ด้านนายวิโรจน์กล่าวว่า ยืนยันว่าใน 15 ปีก่อนสิ่งเดียวที่ทำให้พวกเรายึดโยงร่วมกัน สิ่งที่ประทับใจตนมาจนถึงทุกวันนี้ คือเราไม่ต้องการบ้านเมืองที่เป็นสองมาตรฐาน เราต้องการบ้านเมืองที่เป็นมาตรฐานเดียว และความเป็นสองมาตรฐานในยุคนั้นจนมาถึงปัจจุบัน ไม่มีอะไรเป็นหลักฐาน ไม่มีอะไรเป็นเอกสาร แต่รับรู้ได้ด้วยตาและความรู้สึก และสภาวะที่ถูกกระทำ และรับรู้ที่สภาวะที่เราเห็นเพื่อนเรา คนใกล้ตัวเราถูกกระทำ
ตนรับรู้ดีว่าความจำเป็นในการทวงคืนความยุติธรรมให้กับวีรชนผู้เสียชีวิตเป็นความสำคัญอย่างมาก แต่สิ่งสำคัญมากไปกว่านั้นอีก เพราะหากเราสามารถสร้างความเป็นธรรมให้กับวีรชนได้ แล้วจะเป็นภูมิคุ้มกันไม่ให้กระบวนการอันชั่วช้าสามานย์มาทำร้ายลูกหลานและคนให้คนเจเนอเรชั่นต่อไปอีก ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะถ้าเราปล่อยให้วัฒนธรรมการทำผิดลอยนวลพ้นผิดเกิดขึ้นได้ โดยอาศัยศาลของพวกเขาในการปกป้องอาชญากรที่เข่นฆ่าประชาชน ใช้ระบบรุ่น และความเป็นพี่เป็นน้อง เป็นเกราะคุ้มกันและป้องกันคนที่ทำเรื่องสกปรกให้ไม่ต้องรับผิด จะมีรุ่นต่อไปที่มาทำร้ายประชาชนไม่รู้จบสิ้น
ท้้งนี้ ตนทำงานในคณะกรรมาธิการการทหาร จึงพูดกับหลายๆ คนว่า การปฏิรูปทหารหรือกองทัพ การปฏิรูประบบยุติธรรมที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ เป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญที่ต้องทำควบคู่กันไป เพราะหากทหารโจร ทหารชั่ว แต่ตนไม่ได้เหมารวม ยังคงถูกปกป้อง แล้วทหารที่ดีจะทำอย่างไร ก็ได้แต่นั่งมองตาปริบๆ และพลเรือนจะรู้สึกว่าประเทศนี้มีคนกลุ่มนี้ที่สามารถทำอะไรก็ได้ หรือรับคำสั่งมาทำร้ายใครก็ได้ และจากนั้นจะมีปาหี่ช่วยการพ้นผิด และยังได้ดิบได้ดี ขณะที่ประชาชนต้องตายฟรี ซึ่งจะกลายเป็นวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น
นอกจากนี้ยังมีอีกคำพูดที่ทหารบางคนบอกกับตนว่าและจะต้องล้างให้ได้ คือคำพูดทหารพูดว่า “ผิดใจให้เปิดกฎ ผิดกฎให้เปิดใจ” วัฒนธรรมการกระทำความผิดและลอยนวลไม่จบสิ้น ดังนั้นสิ่งที่พวกเราเห็นตรงกัน และต้องขอบคุณวีรชนคนเสื้อแดง ซึ่งไว้วางใจให้เราทำงานให้กับคนเสื้อแดงและประชาชนทุกคน สิ่งที่เราต้องทำให้ได้หลังจากนี้ คือ พระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร หากเราแก้กฎหมายฉบับนี้ได้ เพื่อที่ทำให้ทหารที่ประพฤติมิชอบ หรือทำผิดทางอาญา ต้องพาทหารเหล่านั้นมาขึ้นศาลยุติธรรมให้ได้ นอกจากนี้ยังมีกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องที่จะต้องทำการแก้ไข เช่น รัฐธรรมนูญ มาตรา 199 ว่าด้วยศาลทหาร