ชัยธวัช หวังสมัยหน้าสภาถกกม.นิรโทษฯ ยกเคส พอล แชมเบอร์ส สะท้อนบังคับใช้กม.มีปัญหา

‘ชัยธวัช’ หวัง สภา ถก ‘พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ’ สมัยประชุมหน้า จะไม่มีร่างฝ่ายใดถูกปัดตก ถาม เว้น ‘ม.112’ จะบรรลุวัตถุประสงค์ เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งได้จริงหรือ ชี้ คดี ‘พอล แชมเบอร์ส’ เป็นสิ่งสะท้อนตัวบทกฎหมาย-การบังคับใช้ มีปัญหา หวั่น ไม่ทำให้สถานการณ์คดีการเมืองเลวร้ายลงไปอีก

เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก่บุคคลซึ่งได้กระทำความผิด อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง พ.ศ. … กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรมทั้ง 4 ฉบับ ซึ่งจะเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสมัยประชุมหน้า มองว่าจะเกิดเกมการเมืองทำให้ไม่ได้พิจารณาหรือไม่ ว่า หวังว่าจะไม่มี จริงๆ ร่างกฎหมายของตนที่เสนอตั้งแต่สมัยพรรคก้าวไกลจนถึงพรรคประชาชนอยู่ในลำดับต้นๆ อยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่มีการเลื่อนขึ้นมา ดังนั้น ในสมัยการประชุมหน้าถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือมีเจตนาที่จะขัดขวางไม่ให้เรื่องนี้ได้รับการพิจารณา ก็จะต้องมีการพิจารณาในไม่ช้า

สำหรับกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลประกาศตัวจะไม่รับร่าง พ.ร.บ.ฉบับที่นิรโทษกรรมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นายชัยธวัชหวังว่าพรรคการเมืองต่างๆ จะเห็นด้านบวกและประโยชน์จากการที่จะนิรโทษกรรมให้กับคดีการเมืองทุกกลุ่ม เพื่อบรรลุเป้าหมายในการคลี่คลายความขัดแย้งที่มีมา

“เราต้องยอมรับว่าคดีการเมือง โดยเฉพาะเรื่องมาตรา 112 ที่หลายฝ่ายกังวล และไม่อยากให้หยิบนำมารวมในการนิรโทษกรรมครั้งที่จะถึงนี้ ผมคิดว่าเรายังมีเวลาที่จะหาทางออกต่อเรื่องนี้ที่ยอมรับกันได้” นายชัยธวัชกล่าว

ADVERTISMENT

นายชัยธวัชกล่าวว่า ยกตัวอย่างกลไกในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ได้มีการเสนอไว้ส่วนหนึ่งว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาสำหรับคดีที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง จากข้อกังวลที่ว่า หากมีการนิรโทษกรรมไปแล้ว จะกลับมากระทำผิดซ้ำหรือไม่ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในข้อเสนอของรายงานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ว่า ให้คณะกรรมการนิรโทษกรรมพิจารณาวางเงื่อนไข และกำหนดมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ ให้เป็นเงื่อนไขก่อนที่จะได้รับการนิรโทษกรรมโดยสมบูรณ์

ADVERTISMENT

นายชัยธวัชกล่าวว่า เมื่อมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ก็อยากให้เปิดโอกาส ยังไม่อยากให้รีบปัดตกร่างของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และไปพูดคุยหารือกันให้รอบคอบ มองเห็นทั้งผลดีผลเสียอย่างรอบด้าน ถ้าเราปิดกั้นการนิรโทษกรรมบางคดีไปแล้ว จะบรรลุวัตถุประสงค์ในการคลี่คลายความขัดแย้งในปัจจุบันได้จริงหรือไม่ เพราะอย่างไรการคุยกันในชั้นกรรมาธิการก็ยังมีเวลาอยู่ และ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลก็เป็นเสียงข้างมากอยู่แล้ว จึงไม่อยากให้ปัดตกร่างใดร่างหนึ่งไป

ส่วนกรณีที่ นายพอล แชมเบอร์ส นักวิชาการชาวอเมริกัน ถูกออกหมายจับในคดี ม.112 นายชัยธวัชระบุ กรณีนี้ยิ่งเห็นได้ชัดว่าคดี ม.112 มีปัญหาจริงๆ ทั้งปัญหาในเชิงตัวบทกฎหมายและการบังคับใช้ ซึ่งก็เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะเป็นคดีที่หลายคนยังสงสัยว่าการกระทำอะไรที่ทำให้พอลถูกตั้งข้อกล่าวหาร้ายแรงเช่นนี้ ยังไม่นับกรณีที่ถึงขั้นต้องออกหมายจับแทนที่จะออกหมายเรียกตามปกติ

และเมื่อพอลรับทราบก็ได้มีเข้าไปเจรจาและรายงานตัวโดยไม่คิดหลบหนี เพราะเป็นอาจารย์ที่สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยนเรศวร มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง แม้จะได้รับการประกันตัวในภายหลังก็ยังจะให้ถอนวีซ่าอยู่ดี ทั้งที่ยังไม่มีการพิจารณาว่าพอลได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่ ซึ่งก็เป็นกรณีที่สะท้อนให้เห็นว่า ไม่ได้สำคัญว่าจะเป็นคนสัญชาติอเมริกัน หรือสัญชาติไทย

นายชัยธวัชกล่าวว่า นี่คือการตอกย้ำว่าคดี ม.112 มีปัญหาจริงๆ กลายเป็นคดีที่มีแรงจูงใจทางการเมือง และไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองที่ปฏิเสธไม่ได้ แต่สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นต่อจากนี้คือ กระบวนการที่เป็นปกติ ทั้งสิทธิในการต่อสู้ตามกระบวนการ สิทธิที่จะได้รับการประกันตัว หรือสิทธิอื่นๆ และหวังว่าคดีนี้จะไม่ทำให้สถานการณ์คดีการเมืองเลวร้ายลงไปอีก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image