เชตวัน ชี้ ธุรกิจกองทัพ มีอื้อ ทั้งบ่อขุดเจาะน้ำมัน – โปรเจกต์อีอีซี ยันกมธ.ถ่ายโอนฯ ลุยอีก 90 วัน ปิดจ๊อบ
เมื่อวันที่ 11 เมษายน นายเชตวัน เตือประโคน ส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาชน(ปชน.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ “ธุรกิจกองทัพ เยอะกว่าที่เราคิด” ระบุว่า
ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่นที่เหมาะสม ให้เป็นผู้นำเสนอเหตุผลว่าทำไมต้องขอ “ขยายระยะเวลา” พิจารณาศึกษาออกไปอีก 90 วัน
เตรียมตัวสำหรับการนำเสนอครั้งนี้ เตรียมบทอภิปรายและตั้งใจว่าจะใช้เวลาสัก 5 นาทีของวันสุดท้ายก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ น่าเสียดาย ที่ประธานขอให้เข้าเรื่องขอขยายเวลาเลย
ดังนั้น ขอเอาบทที่เตรียมไว้ดังกล่าว มานำเสนอต่อพี่น้องประชาชน ให้เข้าใจที่ไปที่มา “เหตุผล” และ “ความจำเป็น” ในการขอขยายระยะเวลาศึกษาในครั้งนี้ครับ
สืบเนื่องจากในคราวประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2567 ที่ประชุมได้พิจารณาญัตติจำนวน 3 เรื่อง คือ
1. ญัตติ เกี่ยวกับการเปลี่ยนสนามกองทัพอากาศ หรือสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ เป็นสวนสาธารณะเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ซึ่งเสนอโดย ผม – เชตวัน เตือประโคน
2.ญัตติ เกี่ยวกับการ้ายสนามกอล์ฟกานตรัตน์ หรือ สนามงู ไปอยู่ในที่เหมาะสม ให้ปลอดภัยสำหรับกิจการการบิน เสนอโดย คุณเอกราช อุดมอำนวย เพื่อนสมาชิกพรรคประชาชน
และ 3.ญัตติ เกี่ยวกับการถ่ายโอนกิจการไฟฟ้าของกองทัพเรือ ใน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ไปให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบให้บริการเรื่องพลังงานโดยตรง อย่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เสนอโดย คุณเบญจา แสงจันทร์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากอดีตพรรคก้าวไกล
และที่ประชุมมีมติตั้ง “คณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจกองทัพไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่นที่เหมาะสม” โดยมีกำหนดระยะเวลาพิจารณา 90 วัน ซึ่งได้ขอขยายระยะเวลาพิจารณาศึกษาไปแล้วจำนวน 4 ครั้ง โดยจะครบกำหนดวันที่ 19 เมษายน
การขอขยายเวลาในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 และผมคาดว่าน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
จากการพิจารณาศึกษา ของ กมธ.วิสามัญชุดนี้ ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปี ซึ่งเราประชุมกันแทบจะทุกสัปดาห์ มีการตั้ง อนุกรรมาธิการขึ้นมาช่วยพิจารณาศึกษาอีก 2 ชุด คือ
1.อนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษากิจการกีฬาและนันทนาการของกองทัพ
2.อนุกรรมาธิการพิจารณากิจการพลังงานของกองทัพ
ประชุมกันเกือบทุกสัปดาห์ ศึกษาดูงานรวมแล้วทั้งหมดเป็นสิบๆ แห่งครับ และเราก็ได้พบว่าสิ่งที่เรียกว่า “ธุรกิจกองทัพ” นั้นมากกว่าที่เราคิดครับ เยอะมากจริงๆ
ไม่ได้มีแค่สนามกอล์ฟ สนามม้า สนามมวย หรือสถานีโทรทัศน์ นี่คือธรรมดาที่เรารับรู้
หากแต่ยังมี สวนปาล์มน้ำมัน มีบ่อขุดเจาะน้ำมัน มีกิจการไฟฟ้า กิจการประปา มีกิจการเกี่ยวกับเมกะโปรเจคเขตเศษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC และอีกสารพัด
เยอะมาก, เยอะมากจนผมคิดว่าสภาผู้แทนราษฎรชุดหน้าอาจต้องมีการตั้ง กรรรมาธิการวิสามัญในลักษณะนี้พิจารณากันอีกครับ
แต่แม้ธุรกิจกองทัพจะมีเยอะอย่างไรก็ตาม การพิจารณาศึกษาก็ต้องมีบทสรุป และเราต้องมีการนำเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งขณะนี้ ทั้ง 2 อนุฯ กรรมาธิการได้พิจารณาศึกษาตามระยะเวลาที่กำหนดแล้ว และกลับมากรรมาธิการชุดใหญ่ เป็นที่เรียบร้อย
มีการตั้ง อนุฯ กรรมาธิการจัดทำรายงาน เตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมสภาของเรา ซึ่งกำลังดำเนินการอย่างแข็งขันมากๆ
แต่เนื่องจากยังมีข้อมูลและเอกสารในประเด็นสำคัญ ซึ่งอยู่ในระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำส่งให้กับคณะกรรมาธิการ เพื่อนำมารวบรวม ประมวลผล วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลดังกล่าว
อีกทั้ง ยังมีประเด็นสำคัญที่คณะกรรมาธิการจำเป็นต้องพิจารณาศึกษาเพิ่มเติม เพื่อนำมาประกอบการจัดทำรายงานครับ
ดังนั้น เพื่อให้การจัดทำรายงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ครบถ้วน รอบด้าน และเกิดประโยชน์ต่อการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการ จึงขอขยายระยะเวลาในการพิจารณา เป็นครั้งทื่ 5 ออกไปอีก 90 วัน และครั้งนี้คาดว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย
เปิดสมัยประชุมหน้า สภาผู้แทนราษฎรของเราจะได้พิจารณารายงานที่กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจกองทัพฯ จัดทำแล้วเสร็จ อย่างแน่นอน