‘พิธา’ คาใจ กม.คอมเพล็กซ์ เจอต้านหนักแต่ผ่านมติที่ประชุม ครม.ได้อย่างไร อยากเห็นไส้ในจุดยืนพรรคร่วมเป็นอย่างไร
เมื่อวันที่ 12 เมษายน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่มีปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทย (พท.) กับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กรณีร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่าเป็นเรื่องปกติ หากได้ติดตามการเมืองย้อนหลังในห้วงที่ผ่านมาช่วง 10ปี หรือ 10 เดือนที่ผ่านมา มีความขัดแย้งของพรรคร่วม รัฐบาล 2 พรรคนี้มาโดยตลอด ไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลกใจ
ถ้าลงไปในระยะยาวระดับมหภาค โดยเฉพาะเป็นปีที่2-3 ของการจัดตั้งรัฐบาล ใครที่เคยเป็นเพื่อนอาจจะกลายเป็นคู่แข่งทางการเมืองขึ้นมา เพราะฉะนั้นปะทุขึ้นมาก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่ที่แปลกใจคือเรื่องร่าง พ.ร.บ. ที่เป็นปัญหา ผ่านมติ ครม. มาแล้วไม่ใช่หรือ อยากเห็นวาระการประชุมวันนั้นว่าแต่ละพรรคมีจุดยืนต่อเรื่องนี้อย่างไร เป็นเรื่องที่แปลกใจว่าผ่านมติ ครม. มาได้อย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นในสภา 2-3 วัน ที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ แต่ไม่ได้แปลกใจที่ 2 พรรคการเมืองทะเลาะกัน หากใครตามกันมาจะนึกถึงว่าวลีเด็ดได้ ตอนที่ไปศรีสะเกษ เป็นเรื่องธรรมดาที่ 2 พรรคนี้มีความขัดแย้งกันมาโดยตลอด
เมื่อถามว่าประเมินว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะผ่านความเห็นชอบจากสภาหรือไม่ เพราะมีกระแสต้านอยู่พอสมควร นายพิธา กล่าวว่า จะต้องดูภาพใหญ่ว่าสำคัญสำหรับสถานการณ์การเมืองไทยและสถานการณ์การเมืองโลกขณะนี้หรือไม่ ส่วนตัวเห็นว่าอันดับหนึ่งขณะนี้คือเรื่องเอสเอ็มอีที่มีความไม่มั่นคงในแต่ละพื้นที่ จะต้องดูแลอย่างไร จะต้องเป็นภารกิจหลักมากกว่า การสร้างบ้านต้องพื้นฐานให้เข้มแข็งเสียก่อน แทนที่จะไปสร้างหลังคา
ถามว่าความสำคัญในตอนนี้เห็นว่ายังไม่ใช่ ต่อมาเห็นว่าเรื่องนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ตอนที่เป็นพรรคก้าวไกล พูดในฐานะอดีตนักการเมืองตอนนั้น มีทั้งเรื่องเกี่ยวกับพ.ร.บ.การฟอกเงินและพ.ร.บ.การต่อสู้กับคอร์รัปชั่น แล้วค่อยมาทำเรื่องกาสิโน ถ้าทำเป็นแพ็คเกจ 3 เห็นว่าจะมีน้ำหนักที่ทำให้คนที่ต่อต้านพอรับฟังได้บ้าง แต่อันนี้คือจังหวะ เศรษฐกิจก็ไม่ใช่ จังหวะการเมืองก็ไม่ใช่ เร่งรีบอีกแล้วยังไม่มีมุมมองเรื่องการจำกัดข้อเสีย ยังรวมมุมมองจุลภาค ว่าตกลงจะกำหนดเงื่อนไข 50 ล้านบาทหรือไม่ ยังกลับไปกลับมา
