เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่โรงแรมเอบีน่า เฮ้าส์ กรุงเทพฯ นายประวิช รัตนเพียร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)เป็นประธานในพิธีปิดการอบรมวิทยากรครูฝึกนักศึกษาวิชาทหาร ให้ความรู้หลักสูตรพลเมืองดีวิถีประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 เพื่อสร้างวิทยากร ครูผู้ฝึกสอน ในการนำความรู้ไปถ่ายทอดให้แก่นักศึกษาวิชาทหารที่จะเข้ารับการฝึกประจำปีทั้ง 5 ชั้นปี ให้มีความรู้ ทักษะ และสามารถถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การเลือกตั้งรวมทั้งการสร้างจิตสำนึกความเป็นพลเมืองดีวิถีประชาธิปไตย
นายประวิช กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่เข้ารับการอบรมหลักสูตรระยะสั้นพลเมืองดีวิถีประชาธิปไตย การที่ตนมาเป็นกกต.ที่ดูแลด้านการมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นเนื้องานตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญและรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมาจนถึงวันนี้ เกือบ 20 ปี สังคมมองเห็นแล้วว่าเรื่องสำคัญของบ้านเมืองเรื่องหนึ่ง ถ้าบ้านเมืองจะเป็นประชาธิปไตย ประชาชนต้องเข้ามามีส่วนร่วม ช่วงการเปลี่ยนผ่านของบ้านเมืองก็จะพบว่าการที่จะเดินต่อไปได้ประชาชนต้องเข้ามามีส่วนร่วม แต่การที่เราพูดคำว่ามีส่วนร่วมอาจสั้นไป วันที่กกต.ดำเนินการในเรื่องนี้ จึงขอให้ตีความสั้นๆว่าพลเมืองก็คือพลังของเมือง พี่น้องประชาชนไทยจะเป็นพลังของเมืองได้ การเป็นพลเมืองที่ดีจะต้องมีสิ่งเหล่านี้ คือ 1.รู้จักหน้าที่ของตัวเอง 2 เคารพสิทธิของผู้อื่น 3.เคารพกฎหมาย และ 4.มีจิตสาธารณะ เมื่อเราได้เป้าหมายเหล่านี้เราจึงได้มีการประสานกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย รวมทั้งกองบัญชาการรักษาดินแดน
“กกต.และกองบัญชาการรักษาดินแดน ต่างคิดตรงกัน ท่านมีโครงการรด.จิตอาสา ให้เด็กเลือกที่จะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ได้ด้วยความสมัครใจ มีกระบวนการติดตาม มีกระบวนการรายงาน มีกระบวนการนำเสนอ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน มีผู้บังคับบัญชาทั่วประเทศ 400 กว่าแห่ง ดูแลลูกศิษย์โดยเฉพาะรด.จิตอาสา 1 ใน 3 คือประมาณ 1 แสนคนจาก 3 แสนคนทั่วประเทศ ไม่เห็นกำลังตรงไหนยิ่งใหญ่เท่าตรงนี้ ที่ยิ่งใหญ่เพราะเป็นเยาวชนที่มีอายุน้อยที่จะออกไปรับใช้ประเทศชาติเป็นพลเมืองที่จะออกไปใช้สิทธิอย่างมีคุณภาพ ดังนั้นต้องปลูกฝัง จึงได้นำโครงการพลเมืองดีวิถีประชาธิปไตยมาร่วมกับรด.จิตอาสา “นายประวิช กล่าวและว่า ผลงานของรด.จิตอาสาที่เข้ามามีส่วนร่วมคือการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญครั้งที่ผ่านมา ที่ไม่พบว่ารด.จิตอาสาไปสร้างความปั่นป่วนที่ไหน จึงได้มีการสานต่อโครงการ ในการสัมมนาผู้บริหารระดับสูงของกกต.ยังได้มีการวิเคราะห์ถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไปว่าจะทำอย่างไรให้บริสุทธิ์และยุติธรรม โดยที่ประชุมเห็นตรงกันว่าสิ่งสำคัญที่ต้องทำคือการปรับทัศนคติของทุกคนให้ตรงกันว่าบ้านเมืองเป็นเรื่องของเรา การเลือกตั้งให้ได้คนที่ดี ไม่ซื้อเสียง สิ่งนี้จะต้องดำเนินการเพื่อให้ถึงประชาชน
