‘วายพีดี’ ตอบ 4 คำถาม ‘บิ๊กตู่’ หวังกระตุกต่อม กระตุ้นเตือนสังคม อย่าหลงคำถามโยนหิน อย่าหลงคารมนักเลือกตั้ง
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 พฤษภาคม ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายชาติชาย แกดำ และนายธิวัชร์ ดำแก้ว ตัวแทนศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อสังคมนิยมประชาธิปไตย (วายพีดี) ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อตอบคำถาม 4 ข้อที่นายกฯ ถามผ่านรายการศาสตร์พระราชาเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยนายชาติชายกล่าวว่า วายพีดีสามารถสรุปบทเรียนจากรัฐประหาร 3 ปีได้ว่าเราไม่อาจละเลยหรือปล่อยให้อำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซงประชาธิปไตยทางการเมืองได้อีก เพราะเป็นต้นเหตุความเหลื่อมล้ำรวมศูนย์อำนาจเข้าสู่ข้าราชการ ลดสิทธิและเสียงของประชาชน ปัญหาธรรมาภิบาลทางการปกครองล้มเหลว การใช้อำนาจไม่สามารถตรวจสอบได้
“วายพีดีหวังว่าการตอบคำถามจะกระตุกต่อมกระตุ้นเตือนสังคมได้ว่า อย่าได้ไปหลงกับคำถามที่โยนหินถามทางเพื่อเป็นผู้เผด็จการต่อ และอย่าได้ไปหลงคารมนักเลือกตั้งที่หิวกระหายจนปากสั่น และต้องตั้งสติอยู่กับความจริงสามประการ คือ รัฐธรรมนูญที่ประกาศใช้แล้วแม้จะเป็นรัฐธรรมนูญที่พิกลพิการ แต่ที่จะต้องมุ่งหน้าต่อไปคือการคืนสิทธิในการกำหนดอนาคตตนเองของประชาชน ยุติการสืบทอดอำนาจเผด็จการ สังคมต้องร่วมกันกดดันให้มีการเลือกตั้ง กดดันให้ผู้นำเผด็จการรักษาสัญญาที่ต่อเวลามายาวนาน ไม่มีทางหลุดจากวังวนเดิมได้หากประชาชนไม่ได้เข้าไปเป็นเจ้าของพรรคการเมืองอย่างแท้จริง” นายชาติชายกล่าว
นายชาติชายกล่าวต่อว่า ส่วนคำถาม 4 ข้อของนายกฯ นั้นวายพีดีขอตอบว่า 1.การใช้เวลาสามปีบริหารประเทศและอยู่มาได้โดยอ้างการร่างรัฐธรรมนูญและปฏิรูปประเทศนั้นล้มเหลวไม่เป็นท่า เมื่อผู้ดำเนินการออกมาถามคำถามนี้ด้วยตัวเองก็เท่ากับว่า 3 ปีที่ผ่านมาสูญเปล่าและโกหกประชาชนมาตลอด อย่างไรก็ตามหลักสำคัญของธรรมาภิบาลข้อหนึ่งคือหลักการมีส่วนร่วม ซึ่งไม่รู้ว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะมีธรรมาภิบาลหรือไม่ แต่ที่แน่นอนคือ 3 ปีที่ผ่านมาเราไม่มีการมีส่วนร่วมแสดงว่าไม่มีธรรมาภิบาลนั่นเอง เราต้องการรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลอย่างยิ่งแต่ไม่ใช่รัฐบาลแบบที่ผู้ตั้งคำถามคิดแน่นอน คำถามที่ 2.ทำตามกระบวนการที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ หากรัฐธรรมนูญมีปัญหาก็รณรงค์ให้แก้รัฐธรรมนูญ แต่วิธีที่จะไม่ทำแน่ๆ คือการให้ทหารมารัฐประหารอีก
นายชาติชายกล่าวเพิ่มเติมว่า 3.อนาคตของประเทศเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปควรทำในบรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตยและควรเปิดกว้างต่อการมีส่วนร่วมมากที่สุด แต่ถ้าจะให้ประเมินว่าให้ทำต่อหรือไม่คิดว่ารัฐบาลนี้สอบตก ไม่เห็นอะไรเป็นรูปธรรมหรือจับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอัน ได้เห็นแต่ความสิ้นหวังของวิธีคิดที่ดึงพวกเรากลับไปประมาณ 30 ปีเป็นอย่างน้อย และในฐานะที่พวกเราเป็นเยาวชนจะต้องอยู่กับแผนเหล่านี้ไปจนแก่ หากแผนมันไม่ดี และรัฐบาลนี้ไม่อยู่ด้วยแต่พวกเรารับกรรม และ 4.ประชาธิปไตยเสรีนิยมมีข้อบกพร่องแต่ข้อบกพร่องไม่ได้มีไว้ให้ทหารมาอ้างเอาอำนาจไปใช้ ปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยการดึงพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญเรื่องการเลือกตั้งมาถกเถียงกันในวงกว้างของสังคม จะต้องมีจุดมุ่งหมาย ถึงการมีส่วนร่วมสร้างเจตนารมณ์ทางการเมืองของประชาชน ยืนหยัดการเข้าถึงสิทธิในการเลือกตั้ง และการมีอำนาจที่แท้จริงของประชาชนเหลือพรรคการเมือง กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นได้หากทหารกลับเข้ากรมกองไปเสียเพราะทหารควรเป็นทหารอาชีพไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
