เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีตกรรมการ ป.ป.ช. และอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ถึงความปัญหาในสถาบันตุลาการหลังนายศิริชัย วัฒนโยธิน ประธานศาลอุทธรณ์ลาออก ว่า บางสถาบันอาจไม่ถือเรื่องความอาวุโส แต่ในผู้พิพากษาเราถือเป็นวัฒนธรรม ให้ความเคารพ ให้เห็นผู้ใหญ่ กรณีนายศิริชัยส่วนตัวเห็นว่าเป็นคนไม่มีข้อตำหนิ เป็นคนตรง พูดอะไรจากใจและต้องยอมรับว่าบางทีอาจไม่ถูกหูคนบ้าง แต่เจตนาคือต้องการความถูกต้อง ต้องการปราบให้ภัยยาเสพติดหมดไป แต่ทัศนคตินี้กลับเป็นภัยแก่ตัว ซึ่งถ้านายศิริชัยสู้ อาจจะยิ่งทำให้เกิดวิกฤตศาลขึ้น คือความแตกแยกในหมู่ผู้พิพากษา สถาบันหมดไปในสายตาประชาชน ที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนเป็นอย่างนี้แล้วคงไม่ไหว นายศิริชัย ถึงได้บอกว่ายอมกลืนเลือดซึ่งตนเห็นด้วย และเห็นด้วยที่ยอมรับมติก.ต.เพราะก.ต.เป็นหลักความอิสระของผู้พิพากษาทั่วประเทศ หากไม่ยอมรับผู้พิพากษาจะทำหน้าที่ไม่ได้ นายศิริชัยกำลังปกป้ององค์กรโดยยอมรับความเจ็บปวดแต่เพียงผู้เดียว หลายคนที่ใจเป็นธรรมก็เห็นใจ เพราะยอมรับในสิ่งที่เป็นรอยด่างในชีวิตของความเป็นผู้พิพากษา ต้องชื่นชมในประเด็นที่พยายามปกป้องสถาบันตุลาการ รักษาความสงบเรียบร้อยของผู้พิพากษาและความสามัคคีปรองดองเอาไว้ ขอขนานนามว่า เป็น สุภาพบุรุษแห่งสถาบันศาลยุติธรรมไทย
น.ส.สมลักษณ์ กล่าวว่า เหตุที่เกิดครั้งนี้ยังไม่ถึงวิกฤตแต่เกิดความระแวงสงสัยในความบริสุทธิ์ยุติธรรมว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนที่จะดำรงตำแหน่งประมุขตุลาการ เกิดความระแวงสงสัยในศรัทธาที่ประชาชนมีให้แก่สถาบันศาลยุติธรรม คำถามเกิดขึ้นมากว่าทำไม อะไรหรือ ทั้งที่สถาบันเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้ความยุติธรรมแก่ประชาชน แต่เกิดอะไรขึ้น เป็นไปได้อย่างไร ที่สำคัญมากคือเรื่องความศรัทธาที่ประชาชนมีต่อสถาบันผู้พิพากษา ทุกฝ่ายต้องช่วยกันผดุง ฝ่ายตุลาการก็ต้องทำตัวทำสถาบันให้เป็นที่พึ่ง ทำให้เห็นว่าเป็นสถาบันที่ศักดิ์สิทธิ์ ตนไม่อยากให้สังคมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไกลตัว เรื่องนี้ไม่ยุ่งไม่เกี่ยวก็ได้ ปล่อยเป็นเรื่องที่ผู้พิพากษาเดือดร้อน ท่านเป็นถึงประธานศาลฎีกาไม่เกี่ยวข้องกับเรา อย่าคิดอย่างนั้น เพราะสถาบันศาลยุติธรรมนั้นเกี่ยวข้องโดยตรง ประชาชนก็ต้องมีความสนใจในเรื่องนี้ว่าอะไรเกิดขึ้น และหากเกิดเป็นวิกฤตรุนแรงเราต้องช่วยกันแก้ไข เป็นหน้าที่โดยตรงอย่าเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ อย่าลืมว่าศาลยุติธรรมนั้นเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน แล้วถ้าที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนเกิดวิกฤตปรวนแปร เราจะพึ่งใคร
น.ส.สมลักษณ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม สถาบันตุลาการจะต้องเข้ามาแก้ไขอะไรบางอย่างในเรื่องที่เกิดขึ้น สอบให้ชัดเจน ตอนนี้คลุมเครือ ที่ประชาชนกำลังถามมากคือว่า นายศิริชัยมีจุดเสียอย่างไรทั้งที่มีอาวุโสสูงสุด ซึ่งตนจับความได้ว่าประชาชนไม่รู้ว่าจิตวิญญาณผู้พิพากษาต้องมีอย่างไร ระเบียบของศาลมีอย่างไร คำว่าการโอนคดีเป็นอย่างไรมีรายละเอียดอย่างไร หลักการเลื่อนตำแหน่งต้องมีอย่างไร แต่จากที่มีการแถลงข่าวศาลยุติธรรมนั้นบอกเพียงว่าถึงจะเป็นอาวุโสอันดับหนึ่งแต่มีความไม่เหมาะสม ซึ่งตนคิดว่าไม่ชัดแจ้ง เพราะตำแหน่งประมุขฝ่ายตุลาการขนาดนี้ต้องมีความละเอียดว่าความเหมาะสมคืออะไรความไม่เหมาะสมคืออย่างไร