‘วิษณุ’เผยปมค่าโง่คลองด่าน รัฐภาษีดีกว่า ไม่ฟันธงชนะ ชี้หากพบ จนท.ผิด อาจต้องเรียกค่าเสียหาย

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 มีนาคม ที่โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค กรุงเทพฯ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีศาลปกครองกลางยกเลิกคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการที่ให้กรมควบคุมมลพิษจ่ายค่าเสียหายโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ว่าการจะต้องยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ให้จ่ายค่าเสียหายจากโครงการดังกล่าวหรือไม่นั้น อาจจำเป็นต้องทำแต่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะขณะนี้มีการยึดอายัดเงินที่จ่ายไปในสองงวดแรกแล้ว จึงไม่มีอะไรต้องดำเนินการเพิ่มเติมอีก ปกติการจะยกเลิกมติ ครม. ต้องรอให้เรื่องถึงที่สุดก่อน เพราะตอนนี้กลุ่มกิจการร่วมค้า เอ็นวีพีเอสเคจี ยังสามารถต่อสู้ในชั้นศาลปกครองสูดสุดได้อยู่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษ ยังไม่ต้องดำเนินการใดๆ ต้องรอผลความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวก่อน อีกทั้งยังทราบว่าในวันนี้ ศาลแขวงดุสิตจะนัดฟังคำพิพากษาคดีอาญากรณีฉ้อโกงสัญญาโครงการดังกล่าว และคำตัดสินดังกล่าวจะมีผลเชื่อมโยงต่อการจ่ายค่าเสียหายโครงการนี้ ส่วนในคำสั่งของศาลปกครองกลางที่ระบุว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐขัดต่อระเบียบราชการนั้น ตนไม่ทราบ เพราะยังไม่เห็น แต่หากพบว่าเจ้าหน้าที่มีส่วนผิดก็อาจต้องเรียกค่าเสียหาย อย่างไรก็ดี ถือว่าไม่เกี่ยวกับการกระทำผิดของรัฐ ให้เอาผิดกับตัวบุคคล

ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มกิจการร่วมค้า เอ็นวีพีเอสเคจี มีโอกาสยื่นคุ้มครองต่อศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ก็น่าจะทำได้ ถือเป็นเรื่องของเขา เมื่อถามย้ำว่า คำพิพากษาของศาลแขวงจะมีส่วนในการพิจารณาของกลุ่มกิจการร่วมค้าว่าจะยื่นคุ้มครองต่อศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ศาลแขวงตัดสินไปแล้วว่าผิด ศาลอุทธรณ์ตัดสินยืนว่าผิด วันนี้ศาลแขวงจะอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งเป็นคดีฉ้อโกงตัวบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่จะเอาไปเชื่อมโยงกับภาคเอกชน

เมื่อถามว่า ดูแนวโน้มวันนี้ถือว่ารัฐบาลมีภาษีดีกว่าใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ดูดีกว่า แต่ขอไม่วิจารณ์ว่ารัฐจะมีโอกาสชนะหรือไม่ อย่างน้อยก็อาจไปยืนยันว่าสิ่งที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดเงินสองงวดแรกมีเหตุผล ส่วนงวดที่เหลือก็ไม่ต้องให้ รัฐไม่มีอะไรเสียหาย แต่กลุ่มกิจการร่วมค้าเขาเดือดร้อน เขาจึงร้องคุ้มครองชั่วคราวเพื่อให้ปล่อยเงินดังกล่าวออกมาก่อนจนกว่าศาลจะตัดสิน

เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะสิ้นสุดภายในรัฐบาลนี้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่สามารถตอบได้ เพราะเป็นเรื่องของศาล แต่คาดว่าในชั้นของศาลปกครองสูงสุดจะใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 1 ปี ผลออกมาเป็นอย่างไรก็ถือว่าเรื่องนี้จบแล้ว เมื่อถามต่อว่า หากฝ่ายเอกชนไม่พอใจผลตัดสินก็ไม่สามารถไปหาช่องทางอื่นได้แล้วใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ก็ต้องตอบว่าอย่างนั้น

Advertisement

“วันนี้เป็นคดีกันระหว่างกิจการร่วมค้ากับรัฐบาล ซึ่งได้ตัดสินไปแล้วว่าเพิกถอนคำวินิจฉัยอนุญาโตตุลาการ เมื่อเพิกถอนแล้ว รัฐก็ไม่มีอะไรจะต้องไปจ่าย ที่จ่ายไปแล้วก็เอาคืน เรื่องมีแค่นั้น แต่ว่าระหว่างรัฐกับเจ้าหน้าที่ของรัฐจะจัดการกันเองนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง” นายวิษณุกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image