“บิ๊กตู่” จ้อจุฬาฯ ยันชีวิตตั้งใจเป็นทหาร ไม่ตั้งใจเป็นนายกฯ

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 9 เมษายน ที่หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับการขับเคลื่อนประเทศในระยะเปลี่ยนผ่าน” โดยมีคณะอาจารย์ นิสิตนักศึกษาจุฬาฯเข้าร่วม ทั้งนี้ก่อนปาฐกถานายกฯได้วางพวงมาลาถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปิยมหาราชและสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า จากนั้นนายกฯ กล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งรอยยิ้ม จนทำให้ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยงจากต่างชาติมากที่สุด ดังนั้นขอให้เราเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับ เช่นเดียวกับที่ตนมาจุฬาฯในวันนี้ จุฬาฯก็เป็นเจ้าบ้านที่ดีที่สุดในการต้อนรับตน ซึ่งตนก็ให้เกียรติกับเจ้าบ้านในการพบกันวันนี้ จุฬาเปรียบเสมือนบ้าน เพราะตนมาที่นี่บ่อย มารับลูกบ้าง รับภริยาบ้าง ลูกสาวของตนจบคณะนิเทศศาสตร์ ส่วนภริยาของตนก็สอนที่นี่ ตนจึงมีความใกล้ชิดกับจุฬาฯเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกับนิสิตทุกคน เพราะถือว่าเราก็ต่างเป็นคนไทยทั้งสิ้น และการมาพูดในหัวข้อ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับการขับเคลื่อนประเทศในระยะเปลี่ยนผ่าน ก็รู้สึกยินดีที่จะได้สร้างความรู้สึกดีๆต่อกัน ส่วนการเปลี่ยนผ่านนั้นจะทำให้ดีขึ้นหรือเลวลงยังไม่มีใครตอบได้ แต่รัฐบาลนี้ตั้งใจที่จะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ อะไรที่เป็นปัญหาความขัดแย้งก็ต้องคลี่คลายไปในทางที่ดี

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนตัวถือว่าจุฬาฯ เป็นสถาบันการศึกษาที่ทรงเกียรติเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศตั้งแต่สมัยร.5 ปีนี้ถือเป็นปีที่ 101 ของจุฬาฯ การปฏิรูปสำคัญของประเทศ เกิดขึ้นในสมัย ร.5 ตั้งแต่การเลิกทาสและระบบราชการต่างๆ การมีวิสัยทัศน์เป็นสิ่งสำคัญ จะต้องมองไปข้างหน้าอย่ามองวันนี้ หรือ มองอดีตเพียงอย่างเดียว อดีตทำให้เราได้เรียนรู้บางสิ่งทำให้เราเกิดความภาคภูมิใจ บางสิ่งที่มันไม่ดีก็อย่าทำอีก แต่เราต้องรู้ว่าสิ่งไม่ดีต้องไม่ทำอีก การทำงานของรัฐบาลนี้จะนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน ความมั่นคงคือการสร้างสภาวะแวดล้อมทุกอย่างให้เกิดความปลอดภัย เมื่อเกิดความปลอดภัยเศรษฐกิจก็จะดีขึ้น ไม่เกิดความสับสนอลมานไม่วุ่นวาย หรือเกิดเหตุการณ์ไม่สงบอย่างที่ผ่านมา บ้านเมืองก็จะสงบ ต่างประเทศก็จะเข้ามาท่องเที่ยว

“ประชาธิปไตยเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่เราใช้ระบบเสรีนิยม ซึ่งในบางตำราการปฏิบัติตัวก็ไม่ได้เขียนไว้แต่เราต้องคิดด้วยตนเองว่า ถึงเวลานี้จะต้องทำอย่างไร ขอฝากนิสิต นักศึกษาทุกคน ว่า ความรู้ในตำรา อาจจะใช่หรือไม่ใช่ เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลง สถานการณ์ที่ผมมาจุฬาฯในวันนี้ก็ไม่เหมือนเดิม เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงทุกวัน เราจึงต้องเตรียมการในส่วนของตนเอง และวันนี้ไม่ว่าประเทศชาติจะเดินหน้าไปอย่างไร แต่เราก็มีแผนพัฒนาฯทุก 5-10-15 ปี ที่ผ่านมาประเทศไทยไม่ได้ต้องการแผนพัฒนาฯ 10 ปี 20 ปี ซึ่งผมก็ต้องตั้งคำถามว่าแล้วบ้านเมืองจะเดินหน้าไปอย่างไร เพราะสิ่งทั้งหมดไม่สามารถทำได้ด้วยวันเดียว บางอย่างถ้าเห็นสมควรเปลี่ยนแปลงก็ต้องเปลี่ยนแปลง และระบบของเราเป็นธรรมชาติต้องแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เช่นเดียวกับการที่มีรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่ผ่านมา แม้บางอย่างจะดีแต่ไม่ใช่นโยบายของรัฐบาลเขาก็ไม่ทำ ดังนั้นวันนี้ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ขอให้ร่วมกันทำงาน ไม่เช่นกันก็จะเกิดๆติดๆดับๆ อย่างนี้ไปตลอดเวลา ดังนั้นก็ขอให้กลับไปดูสถานการณ์ทางการเมืองว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปถึงไหนอย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า การศึกษาเราไม่ได้เลวร้าย ระบบไม่ได้เสียหาย แต่ต้องหาวิธีการที่เหมาะสม นำวิธีการที่มีอยู่แล้วมาปรับเปลี่ยน ให้ตรงกับเป้าหมายของนิสิต นักศึกษา ครู และประเทศให้ทั้ง 3 อย่างตรงกัน เพื่อให้สามารถเดินหน้าไปได้ การปฏิรูปการศึกษาจึงต้องผลิตคนตรงความต้องการของประเทศ ซึ่งทุกคนต้องตั้งเป้าหมายของตนเอง ตนไม่ได้มีความสมบูรณ์มาตั้งแต่เด็ก แต่ตั้งความหวังไว้ว่าตนจะเป็นอะไรตั้งแต่เด็ก และตนไม่เคยเปลี่ยนที่จะรับราชการทหาร แต่ไม่มีความตั้งใจที่จะเป็นนายกฯ ทหารเพื่อให้ได้ยศนายพลและเกษียญไป แต่ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ทำให้ตนต้องมายืนตรงนี้ มาพูดให้นิสิตฟัง ดังนั้นขอนักศึกษาตั้งมั่นเพื่อเป็นคนดีและคิดว่าจะทำงานอะไรจะเป็นอะไร ซึ่งหลายคนมีความตั้งใจเป็นทหาร ตำรวจ พยาบาล หมอ เป็นครู ท้ายที่สุดอาจจะไม่เป็นอะไรเลยก็ได้ ฉะนั้นเราต้องมีความมุ่งมั่นและความเพียรพยายามตั้งแต่เด็กจนโต 19-20 ปี ถึงจะจบ รัฐบาลนี้จึงมีความมุ่งมั่นและเตรียมความพร้อมให้ตั้งแต่วันเรียน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image