ครม.ไฟเขียว งบอุดหนุนเด็กแรกเกิดถึงสามขวบ 1,437 ล้านบาท ขยายสิทธิให้พ่อแม่ในระบบประกันสังคม
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 5 มิถุนายน ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบการขออนุมัติใช้งบกลางรายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินในการอุดหนุนเฉพาะกิจโครงการอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)เสนอ
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า สืบเนื่องจากในปี 2558-2559 รัฐบาลมีโครงการอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด โดยให้พ่อแม่ที่ยากจนไปลงทะเบียน เด็กที่เกิดในช่วงเวลานั้นคือ 1 ต.ค. 2558 – 30 ก.ย. 2559 จะได้รับเงินช่วยเหลือในฐานะเด็กแรกเกิดจำนวน 400 บาท ต่อมาขยายระยะเวลาการช่วยเหลือเงินจากอายุ 1 ปี เป็นตั้งแรกแรกเกิดจนถึงอายุไม่เกิน 3 ปี รวมถึงขยายวงเงินจากหัวละ 400 บาทเป็น 600 บาท ซึ่งหลังจากนั้น ได้มีความเห็นชอบเพิ่มเติมเพื่อขยายรายละเอียด คือ ให้พ่อแม่ที่เป็นแรงงานในภาคประกันสังคมที่แต่เดิมไม่เคยได้สิทธิให้สามารถได้รับเงินอุดหนุนส่วนนี้ด้วย ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มีเงินใช้ในโครงการไม่เพียงพอ กระทรวงพม.จึงขอเงินงบประมาณสนับสนุนจำนวน 1,571 ล้านบาท แต่สำนักงบประมาณอนุมัติสิ้นสุดที่จำนวน 1,437 ล้านบาท
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า ขั้นตอนการเบิกจ่ายเงินจะเริ่มจากท้องถิ่น โดยท้องถิ่นสำรวจยอดประชาชนที่ลงทะเบียน กลั่นกรองตรวจสอบข้อมูลรายได้และข้อมูลบุตร จากนั้นจึงส่งข้อมูลไปยัง พม. เพื่อให้ตรวจสอบซ้ำ ก่อนจะส่งไปกรมบัญชีกลางเพื่อดูรายละเอียดเงิน และส่งไปกระทรวงมหาดไทย จากนั้นจะมีการโอนเงินไปยังบัญชีแม่ของเด็กโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านหน่วยงานราชการใดเลย อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาพบว่ามีบางกรณีที่หาตัวผู้รับเงินไม่ได้ ซึ่งอาจเกิดจากความผิดพลาดเรื่องหมายเลขบัญชี ทำให้มีเงินส่วนหนึ่งเหลืออยู่ จึงนำเงินจำนวนนั้นมาหักลดกับส่วนที่ พม.ขออนุมัติ เป็นที่มาของยอดเงินที่ลดลง ทั้งนี้ เชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะทำให้เด็กแรกเกิดถึงอายุ 3 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงที่มีพัฒนาการสูงสุดได้มีค่าดูแลและค่าเลี้ยงดู ทำให้การพัฒนาบุคลากรของไทยทัดเทียมกับต่างประเทศ
