“สมชาย” บอกองค์กรอิสระเดินหน้าได้ด้วยรธน.60 การันตีดูกันรอบคอบแล้ว

วันนี้ (10 มิ.ย.) นายสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวในงานราชดำเนินเสวนาในหัวข้อ “บทบาทและความท้าทายทางการเมือง องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ” ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดยระบุช่วงหนึ่งว่า

“ปัญหาของวิกฤติบ้านเมืองถูกพยายามแก้ไขด้วยอำนาจที่สี่ เรามองในเรื่องของการเข้ามาช่วยประชาชนในเรื่องของการตรวจสอบถ่วงดุลในฝ่ายบริหาร แต่องค์กรอิสระก็ไม่ได้ตรวจสอบฝ่ายบริหารอย่างเดียว ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการ ก็ตรวจสอบถ่วงดุลด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นการร่างรัฐธรรมนูญตั้งปี 40 – 50 – 60 จึงเป็นวิวัฒนาการที่สังคมไทยยอมรับว่าเราควรมีองค์กรอิสระ ส่วนรัฐธรรมนูญปี 60 นี้ นำศาลรัฐธรรมนูญแยกออกไปอยู่กลุ่มเดียวกับศาล ก็เป็นอีกมุมหนึ่ง แต่โดยหลักองค์กรอิสระเดิมที่เกิดมาตั้งแต่ปี 40 – 50 ยังคงอยู่ แต่มีการปรับเปลี่ยนหน้าที่ ในส่วนของคณะกรรมการการป้องกันและปราบกรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีคดีใหญ่ๆและมีคดีๆรวมกว่าหมื่นคดี บางคดีพิจารณาไม่เสร็จก็หมดอายุความ อันนี้เป็นปัจจัยใหญ่ที่ทำให้เกิดวิกฤติศรัทธา รวมไปถึงกระบวนการสรรหาและเลือกโดยสภาฯ” นายสมชายกล่าว

และว่า “ผมมีความเห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ 60 อย่างยิ่งและมีความเห็นด้วยที่จะให้เดินหน้าต่อไป เราได้ดูกันอย่างรอบคอบแล้ว โดยเฉพาะเรื่องของการสรรหานั้นไม่ใช่แค่เรื่องของกฎหมาย หรือ การสรรหาเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของตัวบุคคลด้วย เพราะฉะนั้นถ้าฝ่ายบริหารเข้าใจตัวบุคคลขององค์กรอิสระแล้วเกิดการแทรกแซงก็จะเกิดการอ่อนแอในการบริหาร ซึ่งก็เกิดปรากฏการณ์แบบนี้มาแล้ว “นายสมชาย ระบุ

นายสมชาย ยังกล่าวต่อว่า ในส่วนที่ยังมีประเด็นปัญหาอยู่บ้างก็คือ ในบทเฉพาะกาลของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ที่ สนช.ก็ตกเป็นจำเลยว่า กกต. และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ถูกเซตซีโร่ แต่ ป.ป.ช. กับ ผู้ตรวจการฯ ให้อยู่ต่อ อย่างนี้เป็นต้น ต้องเรียนว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นครั้งแรกที่ให้อำนาจและภาระพ.ร.ป.มาอยู่ที่ สนช. ว่าจะให้อยู่ต่อไปหรือไม่เป็นไปตามมาตรา 273 นอกจากนี้ เราก็ต้องดูตามข้อเท็จจริงว่าภาระของการเปลี่ยนผ่านสู่การปฏิรูปจะเป็นอย่างไร เช่น การสรรหาการที่ผ่านมาขอยืนยันตรงนี้ว่าไม่ใช่ไม่ถูกใจใคร ไม่ใช่ว่าไม่ถูกใจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) หรือนายกรัฐมนตรี ไม่จริง ขอเรียนว่ามันมีข้อจำกัดหลายประการ เพียงแต่ว่าในทางสาธารณะเราคงแถลงลำบาก เพราะเป็นความเสียหายเฉพาะตัวของบางท่าน และกฎหมายเขียนว่า ท่านไม่สามารถกลับมาสมัครได้ บางทีท่านก็ไม่ได้ขาดคุณสมบัติตรงนั้น แต่ดูเหมือนว่าท่านอาจจะกลายเป็นบาดแผลที่เกิดขึ้นในอนาคต ผมเรียนตรงๆว่าวันหนึ่งคุณสมบัติของท่านอาจจะได้ แต่ ณ วันนี้ เราพบปัญหาสำหรับบางท่านเรามีปัญหาเรื่องคุณภาพ เราก็ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดชึ้น

Advertisement

“ในส่วนของกกต.เราพยายามจะสรรหาให้ได้ เพราะการเลือกตั้งจะต้องมีในเดือนกุมภาพันธ์ปี 62 ตอนนี้เข้าสู่กระบวนการได้มา 7 ท่านแล้ว ถ้าผ่านกระบวนการก็จะทำหน้าที่แทนชุดปัจจุบันได้เลย แต่ถ้าไม่ผ่าน กกต.ชุดเดิมก็ยังคงทำหน้าที่ต่อไปได้” นายสมชาย กล่าวทิ้งท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image