ไม่ว่าจังหวะก้าวของ “พรรคพลังประชารัฐ” ไม่ว่าจังหวะก้าวของ “พรรครวมพลังประชาชาติไทย” ล้วนบังเกิดอาการ”สะดุด”เล็กน้อยในทางการเมือง
พรรคพลังประชารัฐสะดุดเพราะ “กลุ่มสามมิตร”
พรรครวมพลังประชาชาติไทยสะดุดเพราะการออกโรงของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
เหมือนกับจะคึกคักใน “เบื้องต้น” แต่ก็ “เป๋” ไปเป๋มา
ผลสะเทือนที่ตามมาก็คือ การขับเคลื่อนของบรรดา “ผู้จดแจ้ง” ชื่อพรรคแต่แรกไปไม่เป็น กลายเป็นอาการละล้าละลังในทางการเมือง
จำเป็นต้องปรับ “สมดุล” อีกครั้งอย่างซีเรียส จริงจัง
หากสดับตรับฟังและเปรียบเทียบระหว่างอาการของ นายชวน ชูจันทร์ กับอาการของ นายภิรมย์ พลวิเศษ
ยากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะวางตัวได้อย่างเนียน
เพราะพลันที่อดีตส.ส.และอดีตส.ว.กว่า 100 คนพากันไหลเข้าไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะทำหน้าแบบไหน
ยิ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และหรือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ยิ่งต้องเหน็ดเหนื่อย
ยังพรรครวมพลังประชาชาติไทยนั้นเล่า
จนบัดนี้ “สมดุล” ระหว่าง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ก็ยังไม่ลงตัว
เข้าลักษณะ “2 นครา ประชาธิปไตย”
ที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือ ชาวบ้านเรียกชื่อพรรครวมพลังประชาชาติไทยอย่างเต็มปากเต็มคำว่า
“พรรคเทพเทือก” ไม่ใช่ “พรรคเอนก”
ที่เคยกำหนด “ธง” ว่า พรรครวมพลังประชาชาติไทยจะเตะสกัดขา พรรคอนาคตใหม่
พรรคพลังประชารัฐกะล้มพรรคเพื่อไทย
ตอนนี้ก็มีแต่กลุ่ม นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข เท่านั้น ขณะที่ยิ่ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ยอมปล่อย “พรรคเทพเทือก” ยิ่งทำให้ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ขยับลำบาก
หนทาง “เดิน” จึงยังไม่ “เพลินดี” อย่างที่กำหนดเอาไว้
