09.00 INDEX มอง ‘พลังดูด’ อย่าง ‘สร้างสรรค์’ กระบวนคัดเลือก โดยธรรมชาติ

ไม่ว่าจะเป็นรัฐประหาร เมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่าจะเป็นรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

แท้จริงแล้ว คือ กระบวนการคัดสรรในทางการเมือง

หากไม่มีรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 เราคงไม่ได้เห็นการแยกและแตกตัวทางการเมือง

เราได้ยินเสียงไชโยเมื่อมีการยุบ “พรรคไทยรักไทย”

Advertisement

อาจมีบางส่วนไหลไปรวมกันที่ “พรรคพลังประชาชน” แต่ก็มีบางส่วนแยกออกมาอยู่พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคประชาราช พรรคมัชฌิมาธิปไตย และมีการฟื้นพรรคชาติพัฒนาขึ้นอีก

และเมื่อมีการยุบ “พรรคพลังประชาชน” บางส่วนอาจไหลไปรวมกันที่ “พรรคเพื่อไทย”

แต่ก็มีบางส่วนแยกมาอยู่พรรคภูมิใจไทย

Advertisement

 

หากมองจาก สภาพความเป็นจริงทางการเมืองเช่นนี้กระบวนการ

“พลังดูด” ไม่ว่าจะเอาจากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเอาจาก นปช.ถือได้ว่าเป็นประโยชน์

ยิ่งเกิด “กลุ่มสามมิตร” ยิ่งเกิด “พรรคพลังประชารัฐ” ยิ่งจะเป็นคุณูปการ เพราะทำให้เกิดการเขย่าภายใน “พรรคเพื่อไทย”

ขณะเดียวกัน จะก่อให้เกิดการเขย่าภายในแนวร่วมประชาชนต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ “นปช.”

การแสดงตัวของ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข จึงเป็นเรื่องดี

ยิ่งการแสดงตัวของ นายจำลอง ครุฑขุนทด และ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ยิ่งเป็นเรื่องดี

อย่างที่ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ สรุป “ใครเป็นใคร ไผเป็นไผ เห็นกันหมด ถ้าเราทำเองคงไม่เห็นตัวตนแต่ละคนชัดขนาดนี้”

นั่นจึงเท่ากับเชิญชวนให้ “ดูด” ให้ “คัดสรร”

 

ไม่ว่าจะมอง ผ่านหลักการโดยพื้นฐานที่ว่า “หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน จะทานหรือจะทน พิสูจน์ได้เมื่อภัยมา”

สถานการณ์ “พลังดูด” ย่อมเป็นเรื่องดี

ไม่ว่าจะมองผ่านบทสรุปของนักต่อสู้ระดับโลกที่ว่า “ในยาม ยากย่อมพิสูจน์มิตรแท้”

ไม่ว่าจะมองระดับ “ปัจเจก” แยกย่อยส่วนตัว ไม่ว่าจะมองระดับ “องค์รวม” อย่างเป็นพรรคเป็นกลุ่มล้วนเป็น “คุณูปการ”

เพราะนี่คือกระบวนการคัดสรรในทางธรรมชาติ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image