บทบาทของ “กลุ่มสามมิตร” ที่นำโดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กำลังสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับการเคลื่อนไหวในทางการเมือง
เริ่มจากกรณี “ใบยาสูบ”
ตามมาด้วยการลงไปพบกับ “กลุ่มชาวนา” ไม่ว่าในพื้นที่ภาค กลาง ไม่ว่าในพื้นที่ภาคอีสาน
ยิ่งกว่านั้น ยังตั้งเป้าไปยัง “กลุ่มแท็กซี่”
หากฟังจากคำแถลงของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน พวกเขามิได้ไป “หาเสียง” หากแต่ลงไปเพื่อรับฟังปัญหาและวางตัวเป็น”คนกลาง”นำปัญหามาเสนอต่อ “รัฐบาล”
เป้าหมายคือ แก้ไขปัญหา ความเดือดร้อนให้กับประชาชน
ตรงนี้ต่างหากที่น่าสนใจ
ความน่าสนใจต่อบทบาทและการเคลื่อนไหวของ”กลุ่มสามมิตร”น่าที่นักการเมืองและพรรคการเมืองอื่นจะนำมาศึกษาอย่างจริงจัง
มิใช่คอยสกัดขัดขวาง หากแต่น่าจะส่งเสริม
ประการสำคัญ หากว่า”กลุ่มสามมิตร”สามารถดำเนินการได้และประสบผลสำเร็จดังในกรณีของ”ยาสูบ”ที่นำเสนอกระทั่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบอร์ดยาสูบมาแล้ว
คำถามก็คือ นักการเมืองและพรรคการเมืองอื่นจะทำในแนว ทางเดียวกับของ”กลุ่มสามมิตร”หรือไม่
เพราะทาง”กลุ่มสามมิตร”ก็ยืนยันแจ่มชัด
“การลงพื้นที่ถูกมองว่าเราเอาเปรียบทางการเมือง อยากให้เปิดใจให้กว้าง ไม่ใช่เรื่องเอาเปรียบ เรามาหาชาวบ้านรับฟังปัญหาแล้วหาทางช่วย
การที่เรามีผู้นำชุมชนหรือท้องถิ่นมาพูดคุยก็จะทำให้ได้ข้อมูลปัญหาที่แท้จริงเพราะเขาใกล้ชิดชาวบ้านจริง”
น่าสนใจก็ตรงที่”กลุ่มสามมิตร”ทำในแนวทางเดียวกันกับรัฐบาล เพียงแต่รัฐบาลผ่าน”ครม.สัญจร” แต่ “กลุ่มสามมิตร”ลงไปพบผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่นและชาวบ้านโดยตรง
แล้วนักการเมืองอื่น พรรคการเมืองอื่นทำไมไม่ทำ
คำตอบของนักการเมือง พรรคการเมืองโดยทั่วไปจะติดอยู่กับคำสั่งคสช.ฉบับที่ 3/2558 ห้ามเคลื่อนไหวเกิน 5 คน
ตรงกันข้าม “กลุ่มสามมิตร”เคลื่อนไหวไม่ว่าจะด้วยการไปพบกับอดีตส.ส. อดีตส.ว. นักการเมืองท้องถิ่น ผู้นำชุมชน
ถามว่าทำไม”กลุ่มสามมิตร”ทำได้ ทำไม”กลุ่มอื่น”นั่งมอง