การเปิดตัวพรรคประชาชาติโดยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา นั่งเรียงเคียงข้างกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง พร้อมกับ นายวรวีร์ มะกูดี และ ร.ต.อ.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย
ส่งผลสะเทือนโดยตรงไปยังพรรคประชาธิปัตย์และพรรครวมพลังประชาชาติไทย
เห็นได้จาก “ปฏิกิริยา”ใน”พื้นที่”
ไม่ว่าจะมาจาก นายพีรยศ ราฮิมมูลา ไม่ว่าจะมาจาก นายวิรัตน์ กัลยาศิริ
ทั้งๆที่เป้าของพรรคประชาชาติ คือ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
แต่ที่ล้ำลึกยิ่งกว่านั้นน่าจะเป็น “ยุทธวิธี” ของพรรคเพื่อไทยที่จะรับมือกับกฎกติกาใหม่ของ”การเลือกตั้ง”
อันมากับรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มากกว่า
รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มีเป้าหมายต้องการบั่นทอนและสลายกำลังของพรรคขนาดใหญ่
ตั้งเป้าไปยังพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์
วัตถุประสงค์ก็คือ ไม่ต้องการให้การเลือกตั้งดำเนินไปในรูปอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
ไม่ว่าจะเมื่อปี 2544 ไม่ว่าจะเมื่อปี 2554
หลายคนจ้องมองว่าพรรคเพื่อไทยจะดำเนินกลยุทธ์อย่างไรเพื่อรักษาสถานะของคะแนนเสียงที่เคยได้มาอย่างน้อยที่สุดก็จากการเลือกตั้งล่าสุดในยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
พลันที่พรรคประชาชาติเปิดตัวโดยมี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา นั่งหัวโต๊ะ
และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นเลขาธิการ
ไม่ว่าคสช. ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ล้วนมองออกว่านี่คือแขนขา 1 ของพรรคเพื่อไทย ดำเนินไปตามยุทธวิธี”แยกกันเดิน”เพื่อไปรวมพลังกันภายหลังการเลือกตั้ง
คำถามก็คือ ยังจะมี”พรรค”อื่นอีกหรือไม่
การเปิดตัวของพรรคประชาชาติทำให้มองเห็นว่าการต่อสู้ระหว่าง คสช.กับพรรคเพื่อไทย หรือแม้กระทั่งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ดุเดือดเข้มข้นอย่างยิ่ง
ที่สำคัญก็คือ เป็นการเปิดหน้าต่อสู้อย่างไม่ลับๆล่อๆ เป็นการต่อสู้ในสนามการเลือกตั้งตามกฎกติกาของคสช.
นี่คือมิติใหม่และโฉมหน้าใหม่ในยุคหลัง”รัฐประหาร”