ทั้งๆ ที่การเดินเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลไม่ว่าจะ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ไม่ว่าจะ นายอุตตม สาวนายน เป็นเรื่องปรกติอย่างยิ่ง
เพราะ 2 คนนี้เป็น “รัฐมนตรี”
คน 1 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คน 1 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
และการไปพบ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็ไม่น่าแปลก
เพราะ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็เป็นรองนายกรัฐมนตรีซึ่งกำกับดูแลงานทางด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่ากระทรวงพาณิชย์ ไม่ว่ากระทรวงอุตสาหกรรมอยู่แล้ว
แต่เมื่อเป็นการเข้าไปพร้อมกัน 2 คน และเป็นการเข้าไปในเดือนกันยายน จึงเป็นเรื่องแปลก
และถูกมองว่าเป็น “รหัส” ในทางการเมือง
เดือนกันยายนไม่เพียงแต่เป็นเดือนแห่งการตัดสินและประกาศทิศทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หากแต่ยังเป็นเดือนของ “พรรคพลังประชารัฐ”
ในวันที่ 15 กันยายน พรรคพลังประชารัฐจะประชุมพรรคเป็นครั้งแรกภายหลังจากได้สมาชิกครบ 500 คนตามข้อกำหนดหลังไปจดแจ้งชื่อพรรคกับ กกต.
เป็นการประชุม ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี
หมุดหมายสำคัญของการประชุมก็คือ จะมีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารอื่นๆ ของพรรคเพื่อขับเคลื่อนขั้นพื้นฐานให้ กกต.พิจารณาตามระเบียบ
จึงมีข่าวลือกระหึ่มว่า นายอุตตม สาวนายน กับ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ จะยื่นใบลาออกไปเป็นหัวหน้า ไปเป็นเลขาธิการ
การเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อพบ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จึงกลายเป็นข่าวใหญ่โตว่า
เมื่อ “มาเป็นคู่” จะมีการ”ไปเป็นคู่”หรือไม่
คำถามจึงไม่เพียงแต่จะอยู่ที่ นายอุตตม สาวนายน และ นายสนธิ รัตน์ สนธิจิรวงศ์ จะลาออกหรือไม่
หากยังอยู่ที่ว่าทำไมต้อง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
ภาพและการเคลื่อนไหวเหล่านี้เท่ากับเป็นการชี้เบาะแสในทางการเมืองไปยัง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ว่ามีความนัยลึกซึ้งมากน้อยเพียงใด
ตรงนี้ย่อมสะเทือนไปถึง “กลุ่มสามมิตร” อย่างแน่นอน
