09.00 INDEX เรื่องที่ควรจบ กลับไม่ให้จบ กรณีเสียง โมโตจีพี บุรีรัมย์

แทนที่กรณี “เสียงโห่”ระหว่างการเปิดงานโมโตจีพีที่บุรีรัมย์ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะจบลงท่ามกลาง”เสียงยิ้ม”อย่างน่ารัก กลับกลายเป็นเรื่องเป็นประเด็นออกไปอีก

พลันที่ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ ออกมาทำหน้าที่โฆษก กระทรวงกลาโหม

เข้าทำนอง ต่อความยาว สาวความยืด

“สื่อใหญ่นำคลิปจากตรงนั้นตรงนี้ไปปะติดปะต่อ นัดแนะว่า เอาคลิปคนนั้นคนนี้จากโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ยังขุดกันมาให้เกิดความแตกแยก”

Advertisement

เป็นเรื่องเพราะความสงสัยใน “เสียง” ในสนามแข่ง

เป็นประเด็นเพราะว่า “โมโตจีพี”เข้าไปเกี่ยวกับ “6 ตุลา”ได้อย่างไร

 

Advertisement

ความจริง หลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เดินทางกลับจากโมโตจีพี การยืนพูดกับผู้สื่อข่าว

“เขาโห่ต้อนรับ ไม่ได้โห่ไล่”

ถือได้ว่าออกมาอย่างสะท้อนลักษณะ”โพสิทีฟ”เป็นอย่างสูงไม่ว่าในทางการเมืองและในทางการทหาร

สัมผัสได้กับสีหน้า แววตาของ “นักข่าว”

ต้องยอมรับว่า บทสรุปอันมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สะท้อนและเป็นแบบอย่างของ “ลุงป้อม” ใจดีออกมาอย่างเต็มเปี่ยม

ไม่มีความหงุดหงิด ไม่มีความไม่พอใจ

“ถ้าโห่ไล่เขาต้องขว้างสิ่งของใส่ เขาจะมาโห่ไล่ทำไม ไปทำงานให้เขา ผมก็ได้ยินเพราะเสียงดัง”

เป็นการพูดพร้อมกับรอยยิ้ม เป็นการพูดด้วยความเข้าใจ

นี่ย่อมตรงกันข้ามกับความพยายามอธิบายอันตามมาในอีกวันของโฆษกกระทรวงกลาโหม

เพราะเท่ากับสะท้อนความหงุดหงิด ความไม่พอใจ

 

สถานการณ์อันเกิดขึ้นที่สนามแข่งโมโตจีพีเป็นอย่างไร คนระดับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีหรือที่จะไม่เข้าใจ

เพียงแต่เมื่อเข้าใจแล้วจะเผชิญปัญหาอย่างไรมากกว่า

เพียงแต่เมื่อเข้าใจแล้วจะกำหนดยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีอย่างไรในการคลี่คลายจากเรื่องที่คลุมเครือให้กลายเป็นความกระจ่าง

แทนที่จะต่อความยาว แทนที่จะสาวความยืด

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image