‘โบว์-ณัฏฐา’ เปิดใจ สู้คลิปฉาวทำลายชื่อ เดินหน้าเคลื่อนไหวต่อ

หมายเหตุ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ให้สัมภาษณ์สดในรายการเวกอัพ นิวส์ ทางช่องวอยซ์ ทีวี 21 ถึงกรณีการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่เข้าข่ายละเมิดความเป็นส่วนตัว เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม


น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา
แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง

ในความเป็นเหยื่อก็คือความเป็นเหยื่อ แต่ความเป็นนักเคลื่อนไหวไม่ได้หายไป สิ่งที่ทำให้ดูเหมือนลุกขึ้นได้เร็วเพราะในความเป็นนักเคลื่อนไหวหรือนักกิจกรรมอยู่กับอุปสรรคและความเป็นเหยื่อตลอดเวลาอยู่แล้ว เพียงแต่เป็นความเป็นเหยื่อของคนอื่น การไปเยี่ยมคนในคุกได้สร้างภูมิคุ้มกันบางอย่างให้ ซึ่งอยู่กับความไม่ยุติธรรมตลอดเวลา อาจดูไม่หมือนคนอื่นเพราะความเป็นเหยื่อคือสิ่งใหม่ที่เพิ่มเข้ามา แต่สิ่งเก่าที่เคยอยู่ไม่ได้หายไป

ไม่เคยคิดว่าจะตกเป็นเหยื่อในระดับนี้ เราคบหาใคร ไปไหนไม่เคยปิดบัง อย่างที่เห็นในคลิปว่าเดินลงจากรถ นั่นคือเข้าร้านอาหารที่ไปประจำ กินเมนูเดิม เป็นที่ที่สาธารณะมากๆ ข้างๆ เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต คิดว่าถ้าโดนอย่างมากก็ถ่ายรูปนั่งกินข้าวกัน แล้วก็
ดิสเครดิต คิดว่าก็ช่างมัน

การถูกติดตามเกิดขึ้นตลอดเวลาอยู่แล้ว รปภ.ที่หมู่บ้านก็จะรู้ เขาจะมาบอกวันไหนมาบ้าง เช่น เมื่อวันเสาร์ (22 ธ.ค.61) ก่อนเที่ยงมีรถกระบะไม่ติดป้ายทะเบียนกับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาถ่ายรูปบ้าน บางทีขับรถไปส่งลูกก็ขับตาม จนเราชิน เวลาไปงานกิจกรรม ตำรวจมาขอถ่ายรูปด้วยเพื่อจะส่งงาน เราก็รู้ว่าเราถูกตาม

Advertisement

แต่ไม่คิดว่าการตามเราจะถึงขั้นก่ออาชญากรรม ไม่คิดว่าจะใช้วิธีสกปรกขนาดนี้ มันเหนือจินตนาการมาก ก่อนหน้านี้เวลาคุยกับนักกิจกรรมมีทั้งแอพพลิเคชั่นแมสเซนเจอร์ ไลน์ เรานึกว่ามันโอเค แต่ตอนนี้รู้แล้วว่ามันไม่โอเคทั้งหมด ถึงขั้นคิดว่าคงมีการติดอุปกรณ์อะไรใต้ท้องรถ หรือแม้แต่ในบ้านก็ไม่รู้แล้ว

ตอนแรกที่ไม่ฟ้องเพราะคลิปนี้ออกมาเบี่ยงเบนความสนใจคนจากประเด็นหลักพอสมควร นั่นคือ วันพฤหัสบดี (20 ธ.ค.) ประมาณเที่ยงคืน สิ่งแรกที่ถูกปล่อยออกมาไม่ใช่คลิป แต่เป็นภาพ ทุกภาพจะมีโลโก้พรรค มีภาพหนึ่งที่โลโก้ใหญ่มาก นอกจากนี้ยังมีโลโก้ FFFE หรือเครือข่ายประชาชน เพื่อการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรม และมีผลในทางปฏิบัติ (Free, Fair & Fruitful Election) ฉะนั้น หัวภาพล็อตแรกเน้นโลโก้เยอะมาก ถึงขั้นว่ามีคนยืนหันหลัง มีโลโก้ไปติดที่เสื้อใหญ่มาก

พอเราเห็นภาพนั้นก็รู้ทันทีว่าใครทำ เพราะมีศัตรูร่วมกันอยู่หนึ่งเดียว พอรู้ใครทำ ประกอบกับประสบการณ์ที่คุณวัฒนา เมืองสุข เคยถูกชกที่สนามฟุตบอล เห็นป้ายทะเบียนรถซึ่งเป็นของค่ายทหารจังหวัดหนึ่ง แต่เอาผิดไม่ได้ เพราะกล้องวงจรปิดเสียทุกตัว

Advertisement

ตัวเองเคยไปแจ้งความข่าวเท็จเมื่อเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ครี่งปีมาแล้วไม่ขยับ เสียเวลาหอบหลักฐานไป ทั้งๆ ที่คดีนั้นทำง่าย แต่ไม่ขยับ ขณะที่เวลามีเพจวิจารณ์รัฐบาลแชร์ข่าวไป คนไทยในสหราชอาณาจักรถูกจับในวันเดียว เพจซีเอสไอแอลเอถูกจับในวันเดียว เรารู้สึกว่าแล้วเราจะแจ้งทำไม มันคือสิ่งเดียวกัน เราจะเดินไปหาคนที่ทำกับเราเพื่อให้ช่วยเราหรือ

ที่เสียใจที่สุดคือมีการเพิ่มเหยื่อ มีคนสร้างสตอรี่ว่านี่เมียเก่า มาถ่ายแล้วปล่อย เท่ากับว่าคุณกำลังกล่าวหาผู้หญิงอีกคนที่ไม่เกี่ยวเลย เป็นผู้บริสุทธิ์ยิ่งกว่าเราให้เข้ามาในการเมืองด้วย กำลังกล่าวหาว่าเขาเป็นอาชญากร เขาไม่รู้อีโหน่อีเหน่ แต่ถูกกล่าวหาแบบร้ายแรงว่าเป็นอาชญากร และเขาไม่ได้มีพื้นที่หรือมีความต้องการมาออกสื่อแบบโบว์ เขาต้องการอยู่เงียบๆ แบบคนปกติ

สังคมไทยมีภาพจำว่าครอบครัวที่เลิกรากันนั้นเพราะความแย่แน่ๆ ต่อมาจะต้องมีการตบตีแย่งชิงกัน เช่น อดีตสามีโบว์ก็ไม่ใช่คนมีสันดานอาชญากร เรายังช่วยกันเลี้ยงลูก เมื่อวานโบว์ไปส่งลูกเตะบอล ตอนเย็นเขารับลูกไปดูหนัง เราแชร์กันจ่ายค่าเทอม ครอบครัวที่แยกกันมีสภาวะที่ปกติแบบนี้ได้ ไม่เหมือนในละคร

หรือสิ่งที่เกิดขึ้นกับดาราดังคู่หนึ่งที่แยกทางกัน ฝ่ายหญิงก็บอกตลอดเวลาว่าแยกกันมาเป็นปีแล้ว ไม่มีทางที่จะรีเทิร์น พอฝ่ายชายมีคนใหม่ปุ๊บ ดาราคนนั้นโดนถล่ม สังคมไทยมีมุมมองว่าถ้าเขาเลิกกันต้องมีมือที่สามแน่นอน ซึ่งอันนี้คือปัญหาของดราม่า

ก่อนหน้านี้ที่ไม่ฟ้องเพราะมั่นใจว่าเอาผิดไม่ได้แน่นอน แม้จะรู้ว่าใครทำ สองคือมีการเก็บคลิปมาประมาณ 5 เดือน จำได้ว่าเสื้อและกระเป๋าใบนั้น โบว์ไปไหน เสื้อตัวนั้นเป็นเสื้อรณรงค์ที่จะใส่เมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับศาลและคดีบางประเภท ซึ่งใส่น้อยมาก

ตอนนั้นเป็นช่วงรณรงค์ปล่อยแหวน-น.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา เมื่อ 5 เดือนที่แล้ว การเก็บคลิปมานานขนาดนี้ นอกจากจะรู้แล้วว่าใครทำ หลักฐานไม่มีทางจะเหลือ ที่สำคัญคือรุ่งขึ้นของวันปล่อยคลิปเป็นการประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อไทย และตัวเองกำลังรณรงค์ FFFE อย่างหนัก

อีกทั้งข้อมูลที่เพิ่มจากนั้นคือนักข่าวมาบอกว่า กลางสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุมเรื่องโพลของสันติบาล เป็นเรื่องบอกเล่า จริงไม่จริงไม่รู้ ผลโพลของพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ชื่อเหมือนโครงการของรัฐต่ำมาก และต่ำเป็นแนวดิ่งลงเรื่อยๆ ถึงขนาดว่าในการประชุมนั้นมีการทุบโต๊ะโวยวายว่าทำโพลภาษาอะไรทำไมดิ่งลงทุกอาทิตย์ นำไปสู่เหตุผลว่าความกลัวแพ้หรือไม่ ที่ทำให้ทุกอย่างมาถึงจุดนี้ได้

ตลอดจนเป็นช่วงเดียวกับข่าวโต๊ะจีนซึ่งน่าจะเป็นข่าวใหญ่ที่สุด ก่อนหน้านั้นเป็นทนายวันชัย สอนศิริ เรื่อง ส.ว. แต่คิดว่าเป็นเรื่องในภาพรวมที่จะเข้าสู่การรณรงค์เลือกตั้งแล้ว พูดง่ายๆ ว่า นักการเมืองที่จะลง ส.ส.เขต สัปดาห์หน้าหรือถัดไปเขาต้องเดินลงพื้นที่แล้ว ดังนั้น การปล่อยภาพล็อตแรกที่มีโลโก้ทั้ง 2 อย่างมาแปะคู่กัน ชัดเจนว่าไม่ได้ต้องการทำลายมนุษย์ 1-2 คน แต่คือสิ่งที่ภาคีทำกับเรา และสิ่งที่เราแบกไว้ รวมถึงการดิสเครดิตว่ารับงานพรรคเพื่อไทย

ประเด็นการคบกันแล้วไม่ได้บอกใคร ส่วนหนึ่งคิดว่าถ้าคนคิดว่าเราคบกันเมื่อไหร่ ก็ต้องโยงว่าพรรคการเมืองหนุนหลัง ทั้งนี้ ยังไปกินข้าวด้วยกัน ไม่ได้ปิด ที่สำคัญคือเจอนักการเมืองเยอะ เพียงแต่ไม่ได้บอกใครว่าเราคบกัน ไม่ใช่เรื่องที่ต้องบอก

อีกอย่างคือ พอมีเรื่องนี้เกิดขึ้น หลายคนก็บอกว่าแต่งงานกันเลยไหม ความสัมพันธ์ของคนเราย่อมมีไดนามิก มีพลวัต อย่าอินกับมันจนจะเชียร์ให้แต่งงานกันเลยไหม ไม่มีใครถามโบว์ว่าในชีวิตนี้อยากแต่งงานอีกไหม พูดโดยหลักการแบบไม่พาดพิงใคร โบว์ต้องการมีความรักที่อยู่กันเมื่อมีความรักอยู่ และเดินจากกันไปได้สบายๆ ด้วยดีเมื่อความรักนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ต้องการความรักกันที่ผูกด้วยคำว่าแต่งงาน เมื่อความรักหายไปแล้ว แต่คำว่าแต่งงานยังอยู่ การเดินจากกันมันยาก เพราะเงื่อนไขเยอะ กลายเป็นว่าต้องทนอยู่เป็นสิบปี แต่ความรักนั้นหายไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม การถือเรื่องไว้ 5 เดือน เชื่อว่ามีการวางแผนพอสมควร เมื่อวานตัดสินใจฟ้องใน 1 นาที ได้ปรึกษากันแล้ว อีกทั้งได้รับข้อมูลจากองค์กรสิทธิมนุษยชนที่ใหญ่ที่สุดในโลกองค์กรหนึ่งว่า ถ้าโบว์ฟ้องเขาจะเอากรณีนี้ไปทำงานเพื่อสิทธิมนุษยชนต่อได้ ไปทำรายงานเรื่องการละเมิดสิทธินักปกป้องสิทธิและอื่นๆ ต่อได้อีกเยอะ และจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ถึงเป็นจุดเปลี่ยนว่าแม้จะไม่ได้ผู้บงการ หรือคว้าน้ำเหลว แต่ก็ยังมีประโยชน์กับวงการ

ตอนนี้เพิ่งเข้าใจว่ายากจริงๆ ที่ผ่านมาเวลาดูข่าวข่มขืน คิดว่าทำไมต้องปิดหน้า ออกมาสู้ไปเลยสิ พอเจอกับตัวเองจริงๆ ภาวะที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ง่าย ช่วง 2 วันมานี้ น้ำหนักลดไป 2 กิโลกรัม ที่หลับได้เพราะเหนื่อยมาก แต่อีก 2 ชั่วโมงก็ตื่น เหมือนร่างกายรู้สึกว่ามีภัยอันตรายอยู่รอบตัว จะต้องพร้อม และจะไม่รู้สึกว่าอยากกลืนอะไร ตัวจะชา

อย่างไรก็ตาม ทึ่งในวุฒิภาวะของตัวเอง และขอบคุณกำลังใจที่ส่งเข้ามา เยอะกว่าตอนถูกขัง 2 คืนเสียอีก เกินความคาดหมายมาก จริงๆ แล้วตอนที่เห็นว่ามีการปล่อยสิ่งนี้ออกมา สิ่งแรกที่กังวลคือเพื่อนนักกิจกรรมด้วยกัน เขาจะสูญเสียความเชื่อใจในตัวเราหรือไม่ ปรากฏว่าทุกคนเข้าใจหมดเลย

ส่วนที่ตอนแรกยังไม่ฟ้องเพราะอีกหนึ่งความคิดคือ อาจถูกแจ้งความเท็จ ถูกฟ้องกลับ เจ้าของสถานที่อาจหาว่าเราไปใส่ร้ายเขาหรือไม่ ถูกชี้ว่าตั้งกล้องถ่ายเอง ส่วนจะให้เจ้าของสถานที่ออกมาพูดว่าใครสั่งให้ทำแบบนั้น คิดว่ายากมาก รู้ว่ามีงานเสวนาถูกปิด 200 กว่างาน เหล่านี้คือการกดดันสถานที่ทั้งสิ้น งานคอนเสิร์ตประเทศกูมีต้องย้ายสถานที่ 2-3 ครั้งเพราะเขาข่มขู่เจ้าของสถานที่เช่น ตรวจภาษี ตรวจใบอนุญาต ฉะนั้นจึงไม่ได้โกรธเจ้าของสถานที่มากขนาดนั้น

ที่ผ่านมามีการทำลายเครดิตตลอดเวลาอยู่แล้ว มีคนบอกว่าเรารับเงินจากอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่าจะมีเรื่องนี้หรือไม่ ดังนั้นให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่าง เชื่อว่าไม่มีผลกระทบกับการเคลื่อนไหว ความเป็นนักเคลื่อนไหวมันอิสระกว่านักการเมืองเยอะ ความจริงวันนี้คนที่หนักกว่าเราน่าจะเป็นนักการเมือง

ดีใจที่ในเวลาอันรวดเร็ว สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยออกแถลงการณ์ รู้สึกว่าสิ่งที่เราสื่อสารนั้นเขาได้ยิน ดีที่ทุกคนลงมือกัน เพราะที่สุดแล้วไม่ใช่การปกป้องแค่ตัวเรา แต่คือการปกป้องสังคมไม่ให้ดิ่งไปกว่านี้

สำหรับกิจกรรมกลุ่ม FFFE ยังเดินต่อ กิจกรรมต่อไปคือการให้สังคมมีส่วนร่วมจับตาการเลือกตั้ง โดยเฉพาะคลิปเรื่องการแจกบัตรคนจนแลกกับสมัครสมาชิกพรรคที่ออกมา น่าทึ่งมาก นี่เป็นตัวอย่างของพลังประชาชน ถ้าเรามีคนอย่างนี้เยอะๆ ที่เห็นปุ๊บกล้าถ่ายเลย เราสร้างการเลือกตั้งที่ดีได้แน่นอน

ส่วนวันพฤหัสบดีที่ 27 ธ.ค.ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตยกับกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย จะจัดกิจกรรม “รวมพลังคนเช็กบิลเผด็จการ” เป็นกิจกรรมรับปีใหม่ มีศิลปินเพลงแร็พที่ทุกคนอยากเจอ เป็นการรวมพลเพื่อเช็กบิล โดยการเช็กบิลครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องก่อม็อบ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image