สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ เมื่อ 13 ม.ค. เรื่อง ประชาชนคิดอย่างไรกับการเลื่อนเลือกตั้ง พบว่า ร้อยละ 31.50 ขอให้ทุกคนทุกฝ่ายเห็นแก่ส่วนรวม ไม่สร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง ร้อยละ 23.32 เห็นว่า กกต.ต้องประกาศวัน เวลา เลือกตั้งที่ชัดเจน ร้อยละ 20.11 เห็นว่าส่งผลกระทบกับรัฐบาลและ กกต.มีกระแสข่าวทางลบ ร้อยละ 17.96 เห็นว่าเป็นการซื้อเวลา มีนัยยะแอบแฝง เมื่อถามข้อดีของการเลื่อนเลือกตั้ง ร้อยละ 48.45 เห็นว่าทั้งผู้สมัครและพรรคการเมืองมีเวลาเตรียมตัวลงพื้นที่หาเสียงได้มากขึ้น ร้อยละ 29.19 มองว่า กกต.มีเวลาเตรียมการต่างๆ เกี่ยวกับการเลือกตั้งอย่างรอบคอบ รัดกุม ขณะที่ร้อยละ 27.95 มองว่าประชาชนมีเวลาในการตัดสินใจมากขึ้น
โพลเดียวกันยังระบุถึงข้อเสียของการเลื่อนการเลือกตั้ง พบว่า ร้อยละ 49.17 เห็นว่าบ้านเมืองขาดเสถียรภาพ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ร้อยละ 44.97 เห็นว่าทิศทางการเมืองไม่ชัดเจน อึมครึม เสียเวลา ร้อยละ 30.70 เห็นว่าเกิดความขัดแย้ง ใส่ร้าย โจมตีทางการเมืองมากขึ้น ส่วนคำถามว่าประชาชนคิดว่าการเลื่อนเลือกตั้งจะทำให้เกิดความคุ้มค่าหรือไม่ ร้อยละ 63.75 มองว่าไม่คุ้มค่า เพราะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจ การเมืองขาดเสถียรภาพ เสื่อมเสียภาพลักษณ์ เป็นประเด็นขัดแย้งทางการเมือง ขณะที่ร้อยละ 36.25 มองว่าคุ้มค่า เพราะมีเวลาในการเตรียมความพร้อมและพิจารณาดำเนินการเรื่องต่างๆ ได้อย่างรอบคอบมากขึ้น จะได้ไม่เสียงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์
เห็นได้ชัดว่า ความไม่ชัดเจนในการเลือกตั้ง จากการที่รัฐบาลยังไม่ประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ขณะที่ กกต.เองก็ต้องรอให้มีพระราชกฤษฎีกาก่อน กำลังสร้างความสับสนไม่มั่นใจให้กับประชาชน และแสดงความคิดเห็นไปคนละทิศละทาง การเลือกตั้งของประเทศไทยถูกเลื่อนมาแล้ว 5 ครั้ง ส่วนในครั้งนี้ แม้มีการตระเตรียมต่างๆ แต่ก็เกิดความไม่แน่นอนขึ้นมาจนได้อีก อย่างไรก็ตาม ทิศทางของประเทศจะไปในหนทางอื่นไม่ได้แล้ว นอกจากต้องเลือกตั้ง เพื่อให้เสียงส่วนใหญ่กำหนดทิศทางของประเทศ หลังจาก 5 ปีที่ผ่านมา ประสบปัญหาหลายด้าน การกลับสู่ภาวะปกติจะทำให้ทราบว่าประชาชนคิดอย่างไร การเดินตามทิศทางที่ประชาชนต้องการ จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
