ประชาชนออกมาใช้สิทธิล่วงหน้าจำนวนมาก เป็นสัญญาณเตือนให้ กกต.ต้องเร่งรับมือในวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. แถลงผลการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ว่าผู้ลงทะเบียน 2.6 ล้านคน มีผู้ออกมาใช้สิทธิ 86.98% และมีหลายแห่งใช้สิทธิเกิน 90% โดยในวันดังกล่าว หน่วยเลือกตั้งเปิดพร้อมกันทั่วประเทศในเวลา 08.00-17.00 น. เว้นแต่ในบางหน่วยผู้มาใช้สิทธิมาก หากเข้ามาในเขตเลือกตั้ง ถือว่าแสดงจำนงที่จะใช้สิทธิ กรรมการประจำหน่วยจะให้ใช้สิทธิจนเสร็จสิ้น
ประธาน กกต.เผยว่า พบว่ามีการกระทำที่อาจถือว่าผิดกฎหมาย ได้แก่ การนำบัตรเลือกตั้งไปลงคะแนนให้พรรคการเมืองหนึ่ง การนำบัตรประชาชนผู้อื่นไปแสดงเพื่อขอใช้สิทธิ การทำประกาศปลอมว่า ผอ.เลือกตั้งเขตไม่รับสมัครผู้สมัครรายหนึ่ง การแจกบัตรเลือกตั้งผิดเขต ซึ่งหากลงคะแนนแล้วก็แก้ไขไม่ได้ และกรณีแอพพ์สมาร์ทโหวตล่ม ได้ดำเนินการปรับปรุงเซิร์ฟเวอร์เป็นเวลา 15 นาที ซึ่งทั้งหมดได้ดำเนินการแจ้งความ และแก้ไขเพื่อมิให้เกิดขึ้นอีกในการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค.นี้
ในฐานะองค์กรอิสระ มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง มีกลไกและงบประมาณในการดำเนินการ ประชาชนทั่วไปคงคาดหวังว่า กกต.จะสามารถปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องในการเลือกตั้งล่วงหน้านอกประเทศและในประเทศ และทำให้การเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 24 มี.ค.นี้ ลุล่วงไปได้ด้วยดี ขณะนี้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า บรรยากาศจากวันที่ 17 มี.ค. ชี้แนวโน้มว่า ในวันเลือกตั้งจริง จะมีประชาชนหลั่งไหลออกมาใช้สิทธิเป็นจำนวนมากกว่าที่ผ่านๆ มา ดังนั้น กกต.ต้องเตรียมการรองรับ ให้เกิดปัญหาให้น้อยที่สุด
ยังไม่มีใครทราบล่วงหน้าได้ว่า ผลเลือกตั้ง 24 มี.ค.จะออกมาอย่างไร มีแต่การวิเคราะห์คาดการณ์ แต่การที่ประชาชนจะไปใช้สิทธิจำนวนมาก สะท้อนว่า ประชาชนมีความคิดความเห็นที่ต้องการสื่อผ่านการลงคะแนนเสียง หลังจากที่ไม่มีการเลือกตั้งมา 8 ปี โดยครั้งหลังเมื่อ 2 ก.พ. 2557 ศาลชี้ว่าเป็นโมฆะ เมื่อประชาชนพร้อมที่จะแสดงความเห็นผ่านการเลือกตั้ง ผู้มีหน้าที่ทุกฝ่าย ต้องอำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้แสดงออกอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เพื่อนำความเห็นของประชาชนไปกำหนดเป็นทิศทางของประเทศต่อไป
