ไม่ว่าหมายเรียก อันมาจาก สน.ปทุมวัน ถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่าหมายเรียกอันมาจาก บก.ปอท. ถึงนายปิยบุตร แสงกนกกุล ถูกมองว่าเป็นเรื่องการเมือง
แม้ว่าทาง คสช.และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะยืนยันว่าเป็นคดีอาญา เป็นไปตามกฎหมาย ครบถ้วน
มิใช่เพราะคนหนึ่งคือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มิใช่เพราะคนหนึ่งคือ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่
และเป็นว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม
หากเพราะว่าเป็นหมายเรียกอันมีลักษณะเป็นการเมือง
ต้องยอมรับ ว่าหมายเรียกอันมาจาก สน.ปทุมวัน เป็นกรณีตั้งแต่เมื่อเดือนมิถุนายน 2558
ต่อเนื่องและยาวนานมาแล้ว 4 ปี
ขณะเดียวกัน หมายเรียกอันมาจาก บก.ปอท.เป็นกรณีตั้งแต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562
ทั้งหมดเกิดก่อนการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เหตุผลว่า เป็นเพราะมีการปรับเปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน จึงทำให้การดำเนินคดีล่าช้า และเพิ่งมาประจวบเหมาะเอาในปลายเดือนมีนาคม
เป็นความบังเอิญทั้งในกรณีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และเป็นความบังเอิญทั้งในกรณีของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล
เป็นความบังเอิญทั้งเพิ่งปรากฏ “สารจากนายกรัฐมนตรี” เป็นความบังเอิญทั้งเพิ่งปรากฏคำแถลงอันยาวเหยียดเกี่ยวกับประเด็นการเมือง พรรคการเมือง การเลือกตั้งของ ผบ.ทบ.
เป็นความบังเอิญทั้งปรากฏปฏิบัติการด้าน IO กระหน่ำเข้าใส่พรรคอนาคตใหม่อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการเมืองหรือไม่ แต่ก็น่ายินดีที่ไม่ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล ล้วนแสดงความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยมที่จะรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น
นั่นก็คือ พร้อมปฏิบัติตาม “หมายเรียก”
ขณะเดียวกัน หากเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายก็พร้อมจัดการแต่งตั้งทนายความเพื่อต่อสู้คดี
นี่คือสถานการณ์การเมืองภายหลัง “การเลือกตั้ง”