ส่องภาวะ ศก.ไทย หลังเทศกาลสงกรานต์

หมายเหตุภาคธุรกิจเอกชนมองภาพรวมพร้อมข้อเสนอแนะภาวะเศรษฐกิจไทยภายหลังเทศกาลสงกรานต์ เมื่อวันที่ 13 เมษายน

สุพันธุ์ มงคลสุธี
ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.)

เบื้องต้นทราบมาว่าทางกระทรวงการคลังเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เพื่อรับมือในช่วงที่ยังไม่มีรัฐบาลใหม่ ขณะที่การส่งออกก็ชะลอตัวมากกว่าที่คาดไว้ หากหลังสงกรานต์จะออกมาตรการที่จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างมาก เชื่อว่ากระทรวงการคลังเป็นกระทรวงหลักหากมีการออกมาตรการหรือนโยบายที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา คาดว่ากระทรวงอื่นๆ ก็จะดำเนินการเช่นเดียวกัน ส่วนในเรื่องของการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังจากการคาดการณ์ของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน  3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้ปรับลดเป้าการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังจาก 5-7% เป็น 3-5% แล้ว

Advertisement

ทั้งนี้ เอกชนหลายรายยังกังวลในเรื่องของเศรษฐกิจและการเมืองของไทย แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลังเทศกาลสงกรานต์จะสามารถช่วยพยุงเศรษฐกิจให้ยังคงอยู่ได้ พร้อมทั้งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนอีกด้วย

สนั่น อังอุบลกุล
รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

Advertisement

ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2562 ภายใต้สถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของไทยที่ยังไม่ชัดเจน เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ประเมินว่าการลงทุนและการบริโภคน่าจะยังไม่ได้เติบโตมากนัก ขณะที่การส่งออกไม่สดใสจากผลกระทบสงครามการค้าการท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้นบ้างแต่ไม่หวือหวามากนัก เริ่มเห็นการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนแต่ปัจจุบันการท่องเที่ยวของไทยมีความท้าทายมากขึ้น เพราะนักท่องเที่ยวจีนมีตัวเลือกในการท่องเที่ยวมากขึ้น เช่น การไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านรอบๆ ไทย ประกอบกับช่วงนี้ไทยมีปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 นักท่องเที่ยวอาจจะหลีกเลี่ยงหรือเปลี่ยนจุดหมายการเดินทางใหม่

ปัจจัยในประเทศที่ทุกคนติดตามรอดูอยู่และเป็นตัวแปรความสำคัญมีผลต่อความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจ คือ  วันที่ 9 พฤษภาคม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ทุกคนคาดหวังว่าทุกอย่างจะออกมาเรียบร้อยดี ไม่น่าจะเกิดความวุ่นวายจนเกิดผลกระทบหนัก ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ เศรษฐกิจต่างประเทศ แต่ละประเทศซบเซา ไม่มีอะไรที่ตื่นเต้น กรณีสงครามการค้า เท่าที่ได้พูดคุยกับทางทูตจีน ทั้งสองฝ่ายมีจุดยืนของตนเองซึ่งยังต้องรอความชัดเจนการเจรจาว่าจะออกมาอย่างไร โดยจีนประเมินว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 6.5% หันไปกระตุ้นการบริโภค พึ่งพาในประเทศแทนการพึ่งพาการส่งออก ซึ่งโอกาสการค้าของไทยและจีนยังมีอยู่ เพราะจีนและไทยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด จีนยังมีความเชื่อมั่นในสถาบันชั้นสูงของไทย มาถึงรัฐบาล ผู้ประกอบการธุรกิจ และระดับประชาชนต่อประชาชน

“ความหวังเศรษฐกิจไทยปีนี้ขึ้นอยู่กับว่าใครจะออกมาเป็นหัวหน้ารัฐบาล รัฐบาลหน้าตาอย่างไร จะเป็นตัวชี้วัด มองว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลมีแนวคิดจะผลักดันออกมาหลังจากผ่านเทศกาลสงกรานต์นั้น มองว่าจะมีมาตรการกระตุ้นออกมาอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ผลต่อเศรษฐกิจอาจจะน้อยมากเพราะคนยังไม่เชื่อมั่น ภาวะเช่นนี้กระตุ้นอย่างไรก็ไม่มีผล”

สำหรับเรื่องการลงทุนเอกชนและการลงทุนจากต่างประเทศ ไทยต้องยอมรับว่าเวียดนามมาแรงมาก ในภาวะที่ไทยเรายังมีความไม่แน่นอนว่ารัฐบาลจะเป็นอย่างไร แต่ผู้ประกอบการและนักธุรกิจรอไม่ได้ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่มีการใช้แรงงานสูง เลือกที่จะไปลงทุนเวียดนาม เพราะมีกำลังแรงงานและค่าแรงถูกกว่าไทย ขณะที่ไทยการหาเสียงของพรรคการเมืองจะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้ผู้ประกอบการต่างชาติที่จะมาลงทุนในไทยจากจีนและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่กำลังวางแผนจะเข้ามาตกใจหันไปเวียดนามแทน

ทั้งนี้ เวียดนามยังมีการตกลงเจรจาการค้าเอฟทีเอกับสหภาพยุโรปและเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) จะเอื้อให้มีเม็ดเงินลงทุนไปลงทุนในเวียดนามมากกว่าไทย

หัสดิน สุวัฒนะพงศ์เชฏ
ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา

เศรษฐกิจหลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ รัฐบาลควรที่จะดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 มาตรการ ประกอบไปด้วย มาตรการที่ 1 มาตรการแก้ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร เนื่องจากปัจจุบันนี้ ราคาพืชผลทางการเกษตรส่วนใหญ่มีราคาตกต่ำมาก ส่งผลให้ประชาชนในระดับฐานรากไม่มีกำลังซื้อ ดังนั้น ถ้าทำให้ผลผลิตทางการเกษตรดีขึ้น ก็จะเท่ากับเป็นการเติมเงินในกระเป๋าให้กับประชาชนระดับฐานราก ที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ให้มีกำลังซื้อมากขึ้น มาตรการที่ 2 การแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือน โดยรัฐบาลต้องไม่แก้หนี้สิน ด้วยการเพิ่มหนี้สินเพื่อการบริโภค แต่ต้องทำให้ระบบเครดิตของประชาชน เป็นหนี้สินเพื่อการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อการส่งออก และการลงทุนเพื่อการท่องเที่ยว ดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามาให้มาก มาตรการที่ 3 การลงทุนของภาครัฐ ซึ่งปัจจุบันภาครัฐไปเน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่มากเกินไป อาทิ การสร้างรถไฟเส้นต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร การสร้างรถไฟทางคู่ และเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องอย่าลืมลงทุนในระดับกลางและระดับล่างด้วย เพราะการลงทุนระดับใหญ่ๆ อาจจะเข้าไม่ถึงระดับฐานรากที่กำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ และมาตรการที่ 4 มีนโยบายส่งเสริมการค้าออนไลน์ให้มากขึ้น โดยอาจจะส่งเสริมเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้ประชาชนเข้ามาใช้ประโยชน์ในการทำการค้าออนไลน์ได้มากขึ้น มีแหล่งเงินทุนให้สามารถนำมาต่อยอดได้ เนื่องจากการค้าออนไลน์นั้น เป็นการลงทุนต่ำแต่มีประสิทธิภาพสูงมาก และเม็ดเงินจะไหลเข้าสู่กระเป๋าในระดับกลางและระดับฐานรากได้โดยตรง

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือรัฐบาลชุดใหม่ที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ นักลงทุนส่วนใหญ่เกิดความไม่มั่นใจว่าจะมีความมั่นคงและอยู่ได้นานหรือไม่ จึงทำให้เกิดการหยุดชะงักของการลงทุนอยู่ ดังนั้น รัฐบาลชุดใหญ่จึงต้องแสดงให้นักลงทุนเห็นว่ามีศักยภาพที่มั่นคง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนกล้าที่จะเข้ามาลงทุนอย่างเต็มที่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในอนาคตด้วย

วิภาวัลย์ วรพุฒิพงศ์
ประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1

ต้องยอมรับว่าช่วงไตรมาสแรก ตามที่เราคาดการณ์ไว้ว่าจะมีตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น แต่ด้วยปัจจัยและข้อระเบียบต่างๆ รวมทั้งนโยบายของจีนที่ให้ประชาชนลดค่าใช้จ่ายลง ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ส่งผล กระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวมและจังหวัดเชียงใหม่ตามไปด้วย ความจริงเราพยายามทำฟรีวีซ่าในหลายประเทศ แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกับปีก่อนก็มีตัวเลขลดลง

“ปัจจุบันเราก้าวข้ามการเลือกตั้งมาแล้ว แต่ความไม่มั่นใจเสถียรภาพ การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจน ทำให้ไม่มีจุดที่เรียกว่าความเชื่อมั่นที่จะลงทุน หรือจะจับจ่ายใช้สอย ก็ต้องจับตาดูว่าหลังวันที่ 9 พฤษภาคม  ที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาลว่าจะดำเนินไปอย่างไร”

ในฐานะกรรมการหอการค้าไทย ซึ่งมีการประชุมหารือกันก็มีหลายแนวทางที่จะพยายามขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งที่ประชุมใหญ่เห็นชอบ อาทิ การทำเกษตรแปลงใหญ่ หรือ Smart Farmer เกษตรกรยุคดิจิทัล การแปรรูปสินค้า โดยดึงนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ โดยตลาดจะเน้นในเรื่องของ E-Commerce ให้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้เรายังทำการค้าแบบ Offline ในขณะที่ Online ก็จำเป็นว่าต้องขายได้จริง

“ประเทศจีนตลาดใหญ่มาก 1,400 ล้านคน และเขากินทุกอย่างเป็นโอกาสที่สินค้าไทย ที่สำคัญจีนส่งเสริมการค้าออนไลน์ E-Commerce มากขึ้น ผู้ประกอบการส่งออกต้องเร่งดำเนินการและขายได้จริง จากที่อดีตเคยติดปัญหาเรื่อง อย. หรือลิขสิทธิ์ ก็ต้องเร่งผลักดันต่อไป ซึ่งรวมทั้งการทำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นำเข้าข้ามแดนที่จีนส่งเสริม หรือที่เรียกว่า Cross border E-Commerce ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่ จ.ลำปาง เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทางกลุ่มภาคเหนือตอนบนเสนอไป และนายกรัฐมนตรีเห็นชอบ พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับลูกและให้เร่งขับเคลื่อนให้เร็วที่สุด”

สมพร สิริโปราณานนท์
ที่ปรึกษาหอการค้า จ.สงขลา

ขณะนี้กำลังซื้อของประชาชนลดน้อยลงมาก มาจากสินค้าการเกษตรตกต่ำ รายได้น้อยแต่รายจ่ายเพิ่มขึ้น จากค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น หลังเทศกาลสงกรานต์ นักลงทุนต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่และคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจชุดใหม่ เร่งกระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อเพิ่มขึ้น อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ และเร่งรัดโครงสร้างพื้นฐาน  ให้เกิดขึ้นในภาคใต้ทั้งรถไฟรางคู่ มอเตอร์เวย์ ถนนเลี่ยงเมืองหาดใหญ่ ท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ 2

 

ศิวัฒน์ สุวรรณวงศ์
กรรมการหอการค้า จ.สงขลา

หลังสงกรานต์รัฐบาลต้องกระตุ้นเรื่องของการท่องเที่ยว เป็นธุรกิจหนึ่งที่สร้างงานและสร้างรายได้เข้าประเทศ รัฐบาลหากลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่เพิ่ม โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซียที่มีปัญหาเรื่องวีซ่า ขณะนี้ได้แก้ปัญหาจบไปแล้ว แต่นักท่องเที่ยวอินโดฯยังไม่ทราบว่ามีการแก้ปัญหาจบแล้ว ทำให้นักท่องเที่ยวอินโดฯยังเข้ามาน้อย และรัฐบาลสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่เพิ่ม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image