อุบัติเหตุสงกรานต์ในปีนี้ มีตัวเลขน่าตกใจ นับถึง 13 เม.ย. เกิดอุบัติเหตุ 700 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 67 ราย บาดเจ็บ 733 คน สาเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับร้อยละ 42.71 ขับรถเร็ว ร้อยละ 26.14 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 81.08 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 66.43 บนถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 37.29 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 37.00 ช่วงเวลาเกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ 16.01-20.00 น. ร้อยละ 32.43 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 21.75 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,042 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,444 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 1,023,123 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 226,655 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 63,196 ราย ไม่มีใบขับขี่ 57,520 ราย
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 3 วัน จากวันที่ 11-13 เม.ย. พบว่า เกิดอุบัติเหตุ 1,665 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 174 ราย ผู้บาดเจ็บ 1,728 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต หรือตายเป็นศูนย์ มี 17 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 69 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี 10 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 69 คน ปัญหาใหญ่ คือ เล่นน้ำและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปด้วย ทำให้ถนนสายรองที่เชื่อมเส้นทางสายหลัก และระหว่างอำเภอมีสถิติอุบัติเหตุสูง
น่าสังเกตว่า เจ้าหน้าที่จัดจุดตรวจถึง 2 พันกว่าจุด ใช้กำลังคนเกินครึ่งแสนคน ตรวจยานพาหนะไปนับล้านคัน มีการรณรงค์สารพัด แต่ตัวเลขยังสูง โดยอุบัติเหตุเกิดกับกลุ่มผู้ใช้จักรยานยนต์ มีจำนวนสูงถึงกว่า 80% ของอุบัติเหตุทั้งหมด โดยมีพฤติกรรมเล่นน้ำ ขี่จักรยานยนต์และดื่มด้วย ซึ่งแนวโน้มของอุบัติเหตุจากกลุ่มนี้ เห็นชัดเจนมา 2-3 ปีแล้ว ส่วนในปีนี้ นอกจากปรากฏตัวเลขดังกล่าวแล้ว จะพบว่ามีการร้องเรียนจากประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ ถึงพฤติกรรมการฉลองสงกรานต์ของบรรดาวัยรุ่นและกลุ่มผู้ใช้จักรยานยนต์ ดังนั้น น่าจะถึงเวลาที่รัฐจะต้องจัดการ หาทางแก้ปัญหาของกลุ่มนี้ ด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งระยะยาวและระยะสั้น ทั้งด้วยการเริ่มต้นรณรงค์ สร้างทัศนคติในกลุ่มผู้ใช้จักรยานยนต์ ทั้งเยาวชน ประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างความปลอดภัยให้สังคม ส่วนในระยะสั้น ก็คือจะต้องมีมาตรการต่างๆ แล้วในช่วงเทศกาล การมีด่านชุมชน จุดตรวจ และจุดสกัดตามชุมชน ซึ่งต้องรอดูว่า เมื่อครบกำหนดการเฝ้าระวังในปีนี้ สรุปตัวเลขจะเป็นอย่างไร
