โครงร่างตำนานคน : ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อยู่ที่ผลของงาน : โดยการ์ตอง

ว่าไปยุทธการส่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับคืนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้ง ไม่ใช่ภารกิจปอกกล้วยเข้าปาก

เริ่มจากใช้ทุกอย่างเพื่อเขียนกติกาโครงสร้างอำนาจให้เอื้อมากที่สุด พร้อมตั้งจัดวางตัวบุคคลที่ไว้ใจในความกตัญญูรู้คุณที่สุดไว้ในตำแหน่งที่ควบคุมอำนาจต่างๆ อย่างมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการจัดการที่จะทำให้ภารกิจพลาดเป้า

จัดตั้งพรรคการเมือง วางพรรคลูกข่าย ระดมทุน ทุ่มกันเต็มที่ เพื่อให้ได้ ส.ส.ตามเป้าหมาย สามารถรวบรวมกันจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างไม่น่าเกลียดจนเกินไป

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ถูกดูดมาจากพรรคเพื่อไทย เพื่อเสริมภารกิจนี้ โดยเป็นที่รู้กันในช่วงต้น ต้องใช้ทุกวิชากดดันอย่างหนักจึงได้ตัวมา เพื่อวางไว้ในตำแหน่ง “ประธานยุทธศาสตร์การหาเสียงภาคเหนือ” ของ “พรรคพลังประชารัฐ”

Advertisement

และนั่นเป็นผลงานโบแดงชิ้นแรก และชิ้นสำคัญในการพิสูจน์ฝีมือให้เครือข่าย คสช.ได้เห็น “ใช้การได้”

พรรคพลังประชารัฐปักธงในหลายพื้นที่ภาคเหนือได้สำเร็จ ทั้งที่รู้กันอยู่ว่าเป็นเรื่องยากเย็น เพราะเป็นฐานเสียงที่ ทักษิณ ชินวัตร ครองใจไว้แน่นเหนียว

เพราะผลงานที่ทุ่มเทอย่างเต็มกำลัง และพิสูจน์ให้เห็นขีดความสามารถที่ไม่ธรรมดานี้เอง ทำให้ “โควต้ารัฐมนตรีระดับว่าการ” เป็นที่คาดหวังได้ สำหรับ “ผู้กองธรรมนัส”

Advertisement

อย่างไรก็ตาม เพราะการเมืองยังเป็นเรื่องช่วงชิงอำนาจ การเล่นเกมเพื่อตำแหน่งใช้ทุกวิชาโดยไม่เลือกวิธีการเพื่อให้ยึดครองได้สำเร็จ

ประวัติความเป็นมาในบางมุมของชีวิต “ธรรมนัส” ถูกนำมาเป็นข้ออ้างและโจมตีถึงความไม่เหมาะสม จนทำให้เกิดความลังเลในช่วงแรก กระทั่งในโผ ครม.แรกๆ ต้องไปดึงเอาน้องชาย อัครา พรหมเผ่า มานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีแทน เพื่อไม่ให้ผู้นำรัฐบาลลำบากใจ

แต่เพราะเกมแย่งชิงอำนาจนับวันยิ่งเล่นกันรุนแรงและบานปลาย จนกลายเป็นทุกกลุ่มทุกก๊วนออกมาเรียกร้องเก้าอี้รัฐมนตรีกันให้วุ่นวาย

กลุ่มที่ได้แล้วก็แสดงพลังเพื่อล็อกเก้าอี้กระทรวงผลประโยชน์สูงไว้เป็นของพวกตัว กลุ่มที่ยังไม่ได้ และกระทั่งดูแล้วไม่น่าจะมีสิทธิเรียกร้องถึงขั้นนั้น ก็ยังส่งเสียงกดดันกันอึกทึก

จนกลายเป็นการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่โกลาหล และยืดเยื้ออยู่ในความเน่าเฟะของความเห็นแก่ได้ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม

ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า ถูกเรียกจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้ไปรับภารกิจ เคลียร์พื้นที่เพื่อให้ “รัฐนาวาตู่ หลังเลือกตั้ง” ลงรันเวย์ เคลื่อนไปได้

ความวุ่นวายที่โกลาหลทั้งภายในและภายนอก ไม่ว่าจะเป็นจาก “พรรคประชาธิปัตย์” ที่แบ่งกลุ่มถล่มใส่กันอย่างหนักหน่วง “พรรคต่ำสิบ-พรรคคนเดียว” ที่เกิดอยากได้ใคร่มีขึ้นมาบ้าง

และภายใน “พรรคพลังประชารัฐ” ที่ความต้องการของมวยใหญ่อย่าง “กลุ่มสามมิตร” หรือที่มีการตั้งกลุ่มขึ้นมาถึงขนาดประกาศที่ทำการนอกพรรคขึ้นมาอย่าง “ด้ามขวาน” และ “อีสานใต้”

ต่างกลุ่ม ต่างคน ต่างออกแถลงการณ์ และเคลื่อนไหวกดดันคีย์แมนกันหนักหน่วง จนดูคล้ายกับจะเป็นความวุ่นวายไม่รู้จบ

ทว่าเมื่อ “ร.อ.ธรรมนัส” ออกเดินสายเคลียร์ ความวุ่นวายที่ดูจะสงบไม่ได้ กลับยุติลงอย่างรวดเร็ว

ทุกอย่างเรียบร้อย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เครื่องบินเจ็ตตู่ หลังเลือกตั้ง” ลงรันเวย์ เชิดหัวสู่ท้องฟ้า พร้อมเหินหาวได้โดยไม่ต้องห่วงหน้ากังวลหลัง

“สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ”

“มือประสานสิบทิศ” ซึ่งเป็นเครื่องจักรที่มีบทบาทสำคัญในการจัดตั้ง และประคับประคองให้รัฐบาลเดินหน้าต่อไปได้ด้วยความเรียบร้อย ซึ่งไม่ว่า พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หรือ เสนาะ เทียนทอง แม้กระทั่ง สุเทพ เทือกสุบรรณ เคยทำได้อย่างโดดเด่น

และถึงวันนี้เป็นภารกิจที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องรับหน้าที่ประคับประคอง “น้องๆ บูรพาพยัคฆ์” ทว่าด้วยสุขภาพที่อ่อนล้าโรยแรง ไม่สามารถเคลื่อนบารมีได้เต็มที่เหมือนที่ผ่านมา

วันนี้ได้มือไม้ที่ทรงประสิทธิภาพ อันพิสูจน์แล้วใน “ผลงานที่ประสบความสำเร็จ” มาเสริมความแข็งแกร่ง

โผ ครม.ชุดล่าสุด และดูจะเป็นโผที่ใช่จริง มีชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นั่งเป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน”

ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เสียงที่เคยแสดงความกังขาอย่างอึกทึกต่อประวัติความเป็นมาของ “ร.อ.ธรรมนัส” ก่อนหน้านั้น ถึงวันนี้เงียบกริบ

เหมือนยอมรับโดยดุษณี ว่า “ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน”

“ไม่ว่าแมวขาว แมวดำ จับหนูได้เป็นพอ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image