‘พนัส’มองรบ.ใหม่ไร้‘ม.44’ ดีขึ้นแต่พิษคสช.ยังตกค้าง

หากสิ้นสุดการทำหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และมาตรา 44 เหตุการณ์บ้านเมืองคงจะดีขึ้นนิดหน่อย เพราะเมื่อไม่มีมาตรา 44 จะใช้อำนาจตามอำเภอใจไม่ได้แล้ว
แต่ยังมีคนห่วงว่า มาตรา 44 หายไปก็จริง ทว่าประกาศและคำสั่งต่างๆ ของ คสช.ที่ออกมาตลอด 5 ปี แม้จะมีการสั่งยกเลิกไปส่วนหนึ่ง แต่ส่วนที่ยังไม่ยกเลิกคือเรื่องสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน โดยเฉพาะด้านการแสดงออกเรื่องความคิดเห็น การชุมนุมต่างๆ ยังเป็นอย่างเดิมอยู่ เพราะคำสั่งและประกาศ คสช.ต่างๆ ยังกดทับไว้ ขยับอะไรไม่ได้

ที่สำคัญคือคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ยังอยู่ ซึ่งเป็นคำสั่งที่ให้ทหารรักษาความสงบเรียบร้อย หรือเข้ามาทำหน้าที่ของตำรวจ โดยปกติแล้วการทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยและการบังคับใช้กฎหมายเป็นหน้าที่ของตำรวจ แต่เมื่อทหารมาทำหน้าที่นี้ก็เท่ากับเป็นหัวหน้าตำรวจอีกทีหนึ่ง ซึ่งเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง

เมื่อสิ่งเหล่านี้ถูกยกเลิกไป สถานการณ์เกือบไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิมเท่าไหร่นัก เพียงแต่การออกคำสั่งเป็นกฎหมายเปลี่ยนไปแล้ว เพราะต้องเป็นการออกกฎหมายโดยสภา

ทั้งนี้ เรามีสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาคอยคุมไว้อีกชั้นหนึ่ง แต่ทำไปทำมาวุฒิสภาอาจมีอำนาจมากกว่าสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งไม่เป็นอิสระ ไม่ได้มาจากประชาชน แต่มาจากการแต่งตั้งโดย คสช.ล้วนๆ ดูจากการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีซึ่งชัดเจนอยู่แล้ว

Advertisement

ดังนั้น นี่เป็นสภาของ คสช. เพราะการใช้อำนาจใดก็แล้วแต่ 1.ประกาศและคำสั่งเดิมที่มีอยู่ไม่ได้ยกเลิก 2.อาศัยการออกกฎหมายใหม่ที่ต้องผ่านรัฐสภา แต่สภากลับเป็นของ คสช.ทั้งหมด

หากการออกกฎหมายโดยที่รัฐบาลสามารถสั่งได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับมาตรา 44 เสียงฝ่ายค้านก็ค้านไป เพราะมติเสียงข้างมากสามารถสั่งได้ กฎหมายก็ออกมาเหมือน มาตรา 44 หรือถ้าผ่านกฎหมายออกมาแล้ว กลับไปขัดรัฐธรรมนูญ ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ชี้ขาด

ตอนนี้อาจจะดีกว่าตรงที่เรามีพรรคฝ่ายค้าน แต่ฝ่ายค้านต้องขยัน ต้องไม่ท้อ แม้จะร้องแล้วถูกยกทุกครั้ง ก็ต้องร้องต่อไปเรื่อยๆ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นการฟ้องเพื่อประชาชนว่าสิ่งที่ทำกันอยู่นั้นไม่ถูกต้องเพราะอะไร ประชาชนจะได้รู้และเข้าใจ อาจไม่ได้หวังว่าจะชนะหรือไม่ แต่หวังให้ประชาชนเข้าใจว่าปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นเพราะอะไรก็พอ

ตัวอย่างในสมัยนี้คือ การตรวจสอบคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ซึ่งหลายคนมีภูมิหลังไม่ค่อยสะอาด ไม่โปร่งใส และอย่างน้อยที่สุดจุดนี้ยังดีกว่าก่อนหน้านี้ เพราะสมัยก่อนไม่มีที่ให้พูด สื่อถูกปิดกั้น สภาก็ไม่มี ดังนั้น การที่เรามีพรรคฝ่ายค้านแบบนี้อยู่ย่อมสำคัญ

มาตรา 44 ดีในแง่ที่ใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้รวดเร็ว แต่ถ้าใช้ในระบบปกติ หรือระบบรัฐสภา รัฐบาลสามารถออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ได้อยู่แล้ว ถ้าต้องการความรวดเร็วและมีเหตุจำเป็นจริงๆ สามารถออก พ.ร.ก.ได้ทั้งหมด แทนที่จะใช้มาตรา 44 ก็ใช้ พ.ร.ก.เพราะมีผลเหมือนกัน เพียงแต่ พ.ร.ก.ไม่ได้มีอำนาจครอบคลุมถึงการใช้อำนาจตุลาการได้ด้วย

แต่เท่าที่มีมาตรา 44 มาก็ยังไม่เห็นการใช้ในลักษณะตุลาการแทนที่ ซึ่งแตกต่างจากมาตรา 17 สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่สามารถนำคนเข้าคุกหรือประหารชีวิตได้ ดังนั้น ในกรณีที่ต้องการใช้มาตรา 44 เพื่อแก้ปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินต่างๆ ก็ไม่จำเป็นอยู่แล้ว

การมีมาตรา 44 ไว้จึงมีแต่ผลเสีย และเสียมากกว่าดี เพราะการออกคำสั่งและประกาศต่างๆ มาในทางที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดของมาตรา 44

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image