วันที่ 25 ก.ค.นี้ รัฐบาลจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา สำหรับคำแถลงนโยบายของรัฐบาล บัดนี้พิมพ์เสร็จ แจกจ่ายให้กับสมาชิกรัฐสภาทั้งสภาผู้แทนฯและวุฒิสภาแล้ว ประกอบด้วยนโยบายหลัก 12 ด้าน และนโยบายเร่งด่วน 12 เรื่อง คำแถลงนโยบายดังกล่าว ร่างขึ้นภายในกรอบที่รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดไว้ ในเรื่องหน้าที่ของรัฐ แนวนโยบายแห่งรัฐและยุทธศาสตร์ชาติ จึงต้องมีตารางแสดงความสอดคล้องระหว่างนโยบายกับกรอบ 3 เรื่องดังกล่าว ประกอบในนโยบายด้วย
ส่วนนโยบายที่จับตามองกันมากได้แก่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ในระยะแรกมีพรรคร่วมรัฐบาลระบุว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนเท่ากับเรื่องปากท้องของประชาชน แต่สุดท้าย ก็ระบุไว้ในข้อสุดท้ายคือข้อ 12 ของนโยบายเร่งด่วน ระบุว่าสนับสนุนให้มีการศึกษา การรับฟังความเห็นประชาชน และการดำเนินการเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในส่วนที่ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นไปตามที่พรรคประชาธิปัตย์เคยแถลงไว้ว่าเงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาล คือต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยปลดล็อกวิธีการแก้ไขให้ง่ายขึ้นกว่าที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญขณะนี้
ฝ่ายค้านได้ออกข่าวว่าจะขอใช้โอกาสนี้อภิปรายหลายแง่มุม ซึ่งเป็นโอกาสดีของรัฐบาล ที่จะได้รับฟังความเห็นของผู้แทนราษฎร ที่มาจากประชาชนว่ามีความเห็น ความต้องการ และความคาดหวังอะไรจากรัฐบาล ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม แน่นอนว่าเรื่องเร่งด่วน คือปากท้อง การทำมาหากินของประชาชน แต่เรื่องของสิทธิเสรีภาพเป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องทำไปพร้อมๆ กัน จะมาอ้างปากท้องเพื่อกดบีบเสรีภาพของประชาชนเอาไว้ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวได้ถูกต้องว่า ไม่เห็นว่ารัฐบาลจะต้องหวาดหวั่นอะไร ต้องมองในมุมบวก อย่าไปมองในแง่ร้ายเสียหมดว่าจะโค่นล้ม มีแต่ช่วยกันทำงาน ส่วนรัฐธรรมนูญพอใช้ไปสักระยะจะทราบถึงข้อจำกัด ยิ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างขึ้นในสถานการณ์รัฐประหาร เพื่อมากำหนดอนาคตประเทศไปอีก 20 ปี วันนี้ก็พบปัญหาแล้ว หากจะถูลู่ถูกังฝืนกันต่อไป จะทำให้เกิดเคลือบแคลงใจ รัฐต้องรับฟังเสียงประชาชนให้มากๆ อะไรที่จะต้องแก้ก็ต้องช่วยกันทำไป
