ไม่ว่าจะมองจากมุมการทหาร ไม่ว่าจะมองจากมุมการเมือง ไม่ว่าจะมองจากมุมการตลาด
กลยุทธ์การรับมือกับ “กรณีถวายสัตย์” ของรัฐบาล-พลาด
พลาดตั้งแต่พยายามจะตัดบทเมื่อ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ทักทั้วงด้วยความห่วงใยในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมมาแล้ว
ตัดบทโดยคิดว่า “จบ” แต่ความจริง “ไม่จบ”
ยิ่งภายหลังจากสถานการณ์ในวันที่ 25 กรกฎาคมเป็นต้นมา กลยุทธ์ที่ปล่อยออกมาแต่ละชุดล้วนแต่สอดรับกับคำว่า “หนียะย่าย”
เพราะเข้าลักษณะช้างตายทั้งตัว เพียงเอาใบบัวไปปิดก็ย่อมไม่มีทางที่จะมิดอย่างแน่นอน
ภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทุกวันพุธของเดือนสิงหาคมจึงเป็นภาพของการหนีสภา ไม่ต้องการตอบคำถามของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล
ยิ่งเมื่อฝ่ายค้านยกระดับจากกระทู้ถามสดเป็นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ
ยิ่งเห็นอาการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยในเรื่อง “ภารกิจ” ออกมา ไม่ว่าจะเป็นการโยนหินถามทางในเรื่อง “ประชุมลับ” ไม่มีอะไรเป็นผลดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้แต่อย่างเดียว
หากเป็นปฏิบัติการ IO ก็เป็นการปฏิบัติการ IO ซึ่งตื้นเขินเป็นอย่างยิ่ง
เพราะรู้อยู่ว่าปล่อยออกมาจากไหน เพราะจะมีใครรับรู้รายละเอียดของ “ภารกิจ” ได้ดีไปกว่าคนรอบข้าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ยิ่งกรณี “ประชุมลับ” ยิ่งสะท้อนลักษณะโฟเบียที่แสดงออกในที่ประชุมสภาออกมาอย่างล่อนจ้อน เปล่าเปลือย
จึงสมควรที่บรรดานักวาง “กลยุทธ์” ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมควรมีการทบทวนบนพื้นฐานแห่งหลักวิชาและประสบการณ์อย่างจริงจัง
ไม่ว่าจากมุมทางด้าน “การทหาร” ไม่ว่าจากมุมทางด้าน “การเมือง” ไม่ว่าจากมุมทางด้าน “การตลาด”
เพราะนับจากสถานการณ์วันที่ 25 กรกฎาคมเป็นต้นมา คะแนน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ติดลบและตั้งรับโดยตลอด