น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงน้ำท่วม จ.อุบลราชธานี ซึ่งถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 41 ปี ของจังหวัด ระดับน้ำสูงกว่า 5-6 เมตร โดยระบุว่ารัฐบาลสอบตก 4 เรื่อง สอบซ่อม 4 เรื่อง เรื่องสอบตก มีดังนี้ 1.ขาดการเตือนภัยที่ชัดเจนแน่นอน การเตือนภัยของหน่วยงานรัฐแตกกระจายไม่รวมศูนย์ นายกฯ, โฆษกรัฐบาลและผู้ว่าฯให้ข้อมูลคนละทาง 2.ขาดการช่วยเหลือที่กระจายอำนาจ ทำให้ล่าช้า คนที่เข้ามาช่วยมาจากภาคเอกชน ทั้งที่ควรมาจากรัฐบาลเป็นหลัก 3.การขาดการบริหารจัดการน้ำในระยะยาวอย่างไม่มีประสิทธิภาพ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ทำงานล้มเหลว และ 4.การบริหารจัดการขวัญกำลังใจของประชาชน แน่นอนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถอยู่กับประชาชนได้ทุกที่ แต่ในห้วงเวลาที่เกิดภัยพิบัติ นายกฯไม่ได้สร้างความรู้สึกว่านายกฯ สนใจหรือใส่ใจประชาชนมากพอ
โฆษกพรรคอนาคตใหม่กล่าวอีกว่า เรื่องที่รัฐบาลต้องสอบซ่อม คือ 1.เยียวยาฟื้นฟูหลังน้ำลด เช่น จ.ร้อยเอ็ด และจ.มหาสารคาม 2.การส่งความช่วยเหลือไปยังพื้นที่น้ำขังในระยะยาว จ.อุบลราชธานี จะท่วมต่ออีกประมาณ 1 เดือนแน่นอน 3.การวางแผนบริหารจัดการน้ำ และการวางแผนผังเมืองใหม่ เพื่อป้องกันน้ำท่วม เพราะน้ำท่วมที่ จ.อุบลราชธานี ชาวบ้านบอกตรงกันว่าพื้นที่ที่เคยท่วมเล็กน้อยกลับท่วม 2-3 เมตร สาเหตุมาจากมีการถมที่และสร้างเมืองขวางทางน้ำ และ 4.พื้นที่ที่น้ำท่วมไปแล้ว ยังมีสิทธิท่วมอีกรอบ และพื้นที่ที่ยังไม่ท่วมอาจจะเกิดน้ำท่วมได้ รัฐบาลต้องเตรียมรับมืออีกครั้ง
ที่น่าสนใจ คือการที่ประชาชนพร้อมใจบริจาคเงิน 105 ล้าน (นับถึงบ่ายจันทร์ที่ 16 ก.ย.) ผ่าน บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดงและอาสาสมัครกู้ภัย ที่ประกาศเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ว่า จะนำเงินส่วนตัว 1 ล้านบาท ช่วยชาว อุบลฯ และพร้อมรับบริจาคสมทบ ตัวเลขบริจาคอย่างถล่มทลายทะลุ 100 ล้านบาท ในเวลาอันสั้น สะท้อนว่าประชาชนตัดสินใจช่วยเหลือกันเองโดยไม่รอรัฐบาล สะท้อนความล่าช้าของรัฐบาลและภาคราชการ ดังที่พรรคอนาคตใหม่ชี้ว่ารัฐบาลสอบตก ซึ่งรัฐบาลต้องรีบตื่นตัว รับภาระช่วยเหลือและกอบกู้ จ.อุบลราชธานี โดยเร็วและด้วยความเอาใจใส่ เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนและเรียกความเชื่อถือเชื่อมั่นกลับคืนมา
