หมายเหตุ – การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 โดยที่พรรคอนาคตใหม่และพรรคพลังประชารัฐตอบโต้กัน เรื่องงบกองทัพและพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ของกองทัพเรือ เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม
เบญจา แสงจันทร์
ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ (อนค.)
งบประมาณบูรณาการโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ฝากประธานไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะรัฐมนตรี งบประมาณมาจากภาษีของประชาชน ไม่ใช่เรื่องของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง เป็นเรื่องของประเทศชาติ ดังนั้นการจัดสรรงบประมาณจะลงทุนหรือทำอะไรก็ตาม ต้องนึกถึงผลประโยชน์โดยร่วม โครงการขนาดใหญ่อีอีซีประชาชนในพื้นที่มีความกังวลว่าจะได้รับผลกระทบเรื่องสิ่งแวดล้อมทั้งน้ำกินน้ำใช้ การบำบัดน้ำเสีย การกำจัดขยะอุตสาหกรรม เราไม่ได้เห็นเอกสารเรื่องการแก้ไขปัญหานี้ในสิ่งแวดล้อมเลย คิดหรือไม่การแก้ไขปัญหาจะทำได้หรือไม่ การป้องกันจะดีกว่าหรือไม่ ดังนั้นแผนบูรณาการเขตพิเศษภาคตะวันออกที่ใช้งบ 1.7 หมื่นล้านบาท รัฐบาลบอกจะนำไปส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาทั้ง จ.ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ที่ใช้นโยบายขายฝัน ไปสู่มหานครแห่งอนาคต ไม่ใช่ผลประโยชน์ของนายทุนหรือคนกลุ่มใด ไม่ใช่เขตเศรษฐกิจพิเศษสำหรับกองทัพ ต้องเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษของประชาชน
ขอให้ประชาชนมาติดตามภาษีของเราที่ใช้ไปกับงบประมาณและแผนพัฒนาอีอีซี คือ 1.เราเห็นอะไรบ้างกับแผนบูรณาการพัฒนาอีอีซี เห็นเขตพัฒนาอีอีซี ที่สำนักงานใหญ่ควรจะตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออก แต่สำนักงานอีอีซี ดันไปตั้งอยู่ในเขตบางรัก กทม. มีงบประมาณพัฒนาสำนักงาน 42 ล้านบาท ทำให้เห็นว่าเป็นการตอบสนองแนวคิดว่า เป็นรัฐรวมศูนย์ ยกตัวอย่างเวลาพูด การยางแห่งประเทศไทยควรไปตั้งสำนักงานอยู่ที่ภาคใต้หรือไม่ เพื่อทำให้เกิดการจ้างงานหรือไม่เพราะปัจจุบันตั้งอยู่ใน กทม.ไม่ตอบโจทย์เช่นเดียวกัน ไม่เกิดการจ้างงานทำให้ปัญหากระจุกตัวและการตัดสินใจปัญหาด้วยคนส่วนกลาง ทำให้ปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขโดยทันที ส่วนสำนักงานอีอีซี มีงบประมาณ 752 ล้าน เป็นงบโครงการ 65% จำนวน 491 ล้าน งบบุคลากร 23% จำนวน 171 ล้าน งบบริหารจัดการ 91 ล้าน หากนำงบ 171 ล้าน มาจัดสรรเป็นงบบุคลากร เงินเดือน 3 หมื่นบาทต่อ 1 คน สามารถจ้างบุคลากรได้ 475 คนต่อปี ส่วนที่เหลือ 65% ก็ไม่มีประโยชน์ ลองดูเป็นค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง คือ เป็นค่าจ้างที่ปรึกษา 242 ล้านบาท งบอุดหนุนโครงการ 166 ล้านบาท ค่า คุรุภัณฑ์ 43 ล้านบาท การตลาด 40 ล้านบาท ทำให้เห็นแต่โครงการจ้างศึกษาวิธีการชักจูงนักลงทุนให้มาลงทุนในประเทศ ดังนั้น จะต้องการบุคลากร 475 คนไว้เพื่ออะไร สามารถมีบุคลากร 20 คน ก็พอกลายเป็นเศรษฐกิจพิเศษเพื่อส่วนกลาง
2.เห็นการปรับปรุงถมที่ดินเพื่อการสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงท่าอากาศยาน (เอ็มโออาร์) ความร่วมมือสำหรับแอร์บัสและการบินไทย หรือที่เรียกว่าโครงการผีที่ยังไม่เกิด เพราะในขณะที่แอร์บัสยังไม่ยอมรับรายละเอียดใดๆ ข้อเท็จจริง 3 ข้อ คือ โครงการศูนย์ซ่อมเครื่องบิน ยังไม่มีการลงนามใดๆ กับแอร์บัส ซึ่งจะไม่เกิดขึ้นในปี 63 ที่สำคัญจะเห็นกองทัพเรือกำลังนำงบประมาณไปถมที่ดินด้วยงบ 677 ล้านบาท ดังนั้นเมื่อยังไม่มีการเซ็นสัญญา ปีนี้เราสามารถหยุดไว้ก่อนได้หรือไม่ หรือนำเงินไปลงทุนในส่วนอื่นเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนเพื่อให้เกิดประโยชน์มากกว่า หรือหากกองทัพเรือมองว่าพื้นที่นี้มีศักยภาพพัฒนาทางเศรษฐกิจได้ก็มีความปราถนาดี ควรถ่ายโอนพื้นที่ให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงไปพัฒนาดีกว่า เพื่อให้การบริหารจัดการงบประมาณในการสร้างท่าเรือของอีอีซี พื้นที่ธุรกิจในเขตพื้นที่ท่าเรือบริหารด้วยมืออาชีพมีประสิทธิภาพ และโปร่งใสมากกว่า คำถามคือ เหตุใดงบประมาณในการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาใช้งบประมาณผ่านกองทัพเรือ กองทัพเรือมีภารกิจด้านความมั่นคง มีประสบการณ์บริหารท่าอากาศยานหรือไม่ที่ทำให้อู่ตะเภาเป็นท่าอากาศยานนานาชาติ ควรให้องค์กรที่เชี่ยวชาญมาบริหารสนามบินทั้งหมดดีกว่า
3.ภารกิจของกองทัพเรือ คือ จัดเตรียมกำลังพลและอุปกรณ์ การส่งบำรุงที่สมดุลกะทัดรัดและทันสมัยเพื่อดำรงการพร้อมรบการป้องกันประเทศ คุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ทางทะเล มีการถวายความปลอดภัยสถาบัน บรรเทาสาธารณภัย มีตรงไหนที่ให้กองทัพเรือทำธุรกิจ เมื่อพันธกิจไม่มีกองทัพเรือจะไปทำธุรกิจไม่ได้เพราะผิดกฎหมาย กองทัพทำพาณิชย์ไม่ได้ ดังนั้น ขอกองทัพเรือรบกวนให้กลับไปทำตามภารกิจด้วย ทั้งนี้ ภายใต้แผนพัฒนาอีอีซี เห็นงบ 262 ล้านบาท ใช้ขุดลอกท่าเรือจุกเสม็ด โครงการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ เชื่อมต่อท่าเรือเฟอร์รี่ ควรย้ายไปหน่วยงานอื่นที่ทำธุรกิจ เพื่อให้โปร่งใส หรือเปิดประมูลด้วยพีพีพี
ยืนยันว่าเรื่องนี้กองทัพทำไม่ได้ ทั้งหมดคือ ไม่ได้ตอบสนองประชาชน ขอเรียกว่า งบประมาณที่ใช้ทารุณกรรมประชาชนในพื้นที่อีอีซี เพราะขับไล่ประชาชนในพื้นที่ ใช้พื้นที่ทำสนามกอล์ฟในกองทัพ มีบ้านพักสวยหรูมี รีสอร์ตคลับเฮาส์
สะถิระ เผือกประพันธุ์
ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
กระแสโลกอดีตถึงปัจจุบันเราเกิดระบบเศรษฐกิจทางการเงิน หลังจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่สหรัฐอเมริกาชนะในสงครามโดยพันธมิตร ระบบเศรษฐกิจทางการเงินนำมาซึ่งระบบแลกเปลี่ยนการเงินคงที่ ธนาคารโลก กำแพงภาษี และไอเอ็มเอฟ จากนั้นเป็นสงครามเย็น ถึงเป็นสงครามเศรษฐกิจในโลกาภิวัตน์ สงครามระหว่างเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสาร หลังจากกระแสโลกาภิวัตน์ประเทศที่ยังมีอำนาจคือ สหรัฐอเมริกา แต่ยังมีอีกทวีปหนึ่งที่แอบดูแบบเงียบคือทวีปเอเชีย ทำให้เกิดกระแสบูรพาภิวัฒน์ ตรงนี้จะเห็นประเทศที่ขึ้นมามีอำนาจ คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน การส่งเสริมเศรษฐกิจการค้าควบคู่ไปกับกองทัพเพื่อบำรุงรักษาเศรษฐกิจของประเทศ กองทัพไม่ได้สร้างรายได้ให้กับประเทศ แต่กองทัพปกป้องสิ่งที่จะรักษารายได้ให้กับประเทศ จากงบประมาณกระทรวงกลาโหม 2.3 แสนล้านบาทในปี 2563 เพิ่มขึ้น 6.2 พันล้านบาท จะเห็นว่าในแต่ละเหล่าทัพสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ กองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ เมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว การเพิ่มงบประมาณ ในแต่ละกองทัพ กองทัพบก 0.017% กองทัพเรือ 0.036 และกองทัพอากาศ 0.017%
จากงบประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 เป็นงบกระทรวงกลาโหมเพียง 7.29% เปรียบเสมือนเงิน 100 บาท ให้เงินกระทรวงกลาโหมเพียง 7.29 บาท ขอไม่กล่าวว่าในอดีตที่ผ่านมา 10 ปี ช่วงไหนที่ตั้งงบประมาณกระทรวงกลาโหมมากที่สุด ประเทศไทยมีงบกระทรวงกลาโหม เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) 1.31% การก้าวขึ้นของบูรพาภิวัฒน์ในโลกปัจจุบัน ประเทศที่อยู่ในกลุ่มจี 20 ต่อจาก จี 7, จี 8, คือ ประเทศอินโดนีเซีย ตั้งงบกระทรวงกลาโหมมากกว่าไทยต่อจีดีพี 2.31% นอกจากกลุ่มจี 20 ยังมีกลุ่มประเทศที่จะเติบโตต่อไปในเอเชีย คือ อินโดนีเชีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ โดย 2 ใน 3 นี้ตั้งงบกระทรวงกลาโหมมากกว่าประเทศไทย 2 เท่า ถ้าจะเปรียบงบกระทรวงกลาโหมควรจะเปรียบเทียบของกระแสโลกในปัจจุบันในยุคบูรพาภิวัฒน์
นอกจากนี้ การเปรียบเทียบงาน ทั้ง 7 ด้าน เป็นเงิน 2.018 ล้านล้านบาท งานเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม งานเคหะ งานชุมชน สาธารณสุข ศาสนา ศึกษา สังคมสงเคราะห์ เมื่อเทียบงานการทหารการป้องกันประเทศ 2.3 แสนล้าน 7-8% ของงานทั้ง 7 ด้าน คือ งานด้านบริการชุมชน และสังคม เมื่อแยกงบประมาณกระทรวงกลาโหม 2.3 แสนล้านบาท กว่า 6% เป็นการซ้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ 16% จัดหายุทโธปกรณ์ 8% งบประมาณปรับปรุงที่พักอาศัยให้ข้าราชการ 70% เป็นงบค่าใช้จ่ายบุคลากรและภารกิจประจำ
ผมเป็นผู้แทนอยู่ใน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พื้นที่ของทหารเรือ งบประมาณบุคลากรสำคัญเพียงใดค่าใช้จ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าตอบแทน ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเพิ่มจากภัยอันตราย จะหลักพันหลักหมื่นหลักแสนไม่สามารถกำหนดได้ว่า 1 ชีวิตช่วยได้เท่าไร ดังนั้น งบประมาณบุคลากรเปรียบเสมือนการศึกษาของกองทัพ จะมีสงครามแปลกๆ ใหม่ๆ เข้ามาคุกคามระบบใหม่ทุกมิติ สงครามไซเบอร์ งบประมาณของกลาโหม 70% เป็นงบบุคลากรที่จะเลี้ยงดูอาชีพ ครอบครัว ที่พักอาศัย
ทุกเช้าผมอยู่ในพื้นที่กองทัพเรือ เห็นทหารตื่นแต่เช้าทำงานกว่าจะเลิกงานก็หลังสี่โมงเย็น บางครั้งออกไปปฏิบัติภารกิจชายแดน ลูกเมียอยู่บ้าน ภริยาก็ไปทำงานไม่ได้ สุดท้ายรายได้ได้จากสามีคนเดียว ดังนั้นงบกลาโหมผมขอสนับสนุนและขอให้ปรับปรุงที่พักอาศัยของที่พักข้าราชการชั้นประทวน