แม้ประชาชนส่วนหนึ่งจะแสดงออกถึงความไม่ยินดีปรีดากับการบริหารประเทศภายใต้การนำของ ทีม คสช. ที่สืบทอดอำนาจหลังเลือกตั้งต่อเนื่องมาจากรัฐประหารเมื่อปี 2557
แต่ไม่ว่าใครก็ตามหากติดตามการเมืองใกล้ชิด ย่อมประเมินได้ว่า รัฐบาลชุดนี้ยังอยู่ไปได้อีกยาว ด้วยโครงสร้างอำนาจทั้งในรูปของกติกาประเทศ และการจัดวางกลไก บุคลากรที่จะควบคุมให้เป็นไปตามกติกาที่ดีไซน์ไว้เป็นการเฉพาะ ยังแข็งแกร่งเกินกว่า
กระแสใดๆ จะสร้างผลสะเทือนได้
ความไม่พอใจของประชาชนนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง ที่ไม่มีอิทธิฤทธิ์ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะระบบที่วางไว้แข็งแกร่งเกินกว่าจะสะเทือนด้วยกระแส
อย่างไรก็ตาม มีเรื่องหนึ่งที่เชื่อกันว่าเป็นความอ่อนไหว และหากควบคุมไม่ดีจะเป็นตัวหนุนเสริมกระแสก่อพลังให้เกิดความกระทบกระเทือนได้
นั่นคือความเป็นไปทางเศรษฐกิจที่จะกดดันให้เกิดปัญหาปากท้องหนักขึ้น กระทั่งบีบให้คนจำนวนมากหมดความอดทน
ตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ ส่อเค้าไปทางนั้น
คล้ายว่าไม่มีทางดิ้นหนีไปจากสภาพข้าวยากหมากแพง ลำบากยากแค้นกันทั่วหน้า
ทว่าในทิศทางที่คล้ายกับสิ้นหวังนั้น กลับมีความเคลื่อนไหวหนึ่งที่ส่องประกายเจิดจ้าแทรกตัวเข้ามาให้รู้สึกถึงความสว่างไสว
ในมุมมองที่ว่าปี 2563 มีโอกาสพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจน้อยนั้น อาจจะเป็นแค่มุมมองที่แคบอยู่กับปัจจัยเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว การส่งออก การลงทุนในรูปแบบเก่าๆ ซึ่งแน่นอนว่าแนวโน้มดูจะทรุดตัวจากจะกู้ให้ฟื้น เพราะไม่ปรากฏเงื่อนไขที่จะเป็นไปทางที่ให้ความหวังได้
เมื่อมองผ่านปัจจัยเดิมๆ จึงเห็นแต่ความมืด
แต่หากมองให้รอบตัวมากกว่านั้น จะพบว่าเรื่องราวหนึ่งที่มีกำหนดชัดเจนแล้วว่าจะเริ่มสตาร์ต และขับเคลื่อนในต้นปีนี้ และหากมองให้ละเอียดจะพบว่าเรื่องราวนี้มีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเป็นพลังกอบกู้ให้เศรษฐกิจประเทศเคลื่อนตัวไปอย่างมีความหวัง
การประมูลคลื่น 5G ที่กำหนดวันไว้แล้วว่าเกิดขึ้น 16 กุมภาพันธ์ 2563
ที่ว่าคุณสมบัติตครบถ้วนคือ
หนึ่ง นักบริหารมืออาชีพที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้คลื่นความถี่ ซึ่งฝากผลงานประสบความสำเร็จสูงยิ่งมาแล้วก่อนหน้านั้น ใน 4G ซึ่งในครั้งนี้หากติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด จะรับรู้ว่า เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) คนเดิมที่ฝากผลงานงดงามมาตลอด ฐากร ตัณฑสิทธิ์ วางแผนไว้ยิบอย่างมีวิชั่นชัดเจนว่า 5G จะต้องส่งผลในทางบวกต่อการลงทุนในประเทศครั้งใหญ่อย่างไร
5G จะส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศมีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 2.3 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรม 6.34 แสนล้านบาท โลจิสติกส์ 1.24 แสนล้านบาท การเกษตร 9.6 หมื่นล้านบาท และภาคสาธารณสุข 3.8 หมื่นล้านบาท ที่สำคัญยังช่วยลด ความเหลื่อมล้ำ ที่เป็นปัญหาหลักในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านรายได้ การศึกษา สาธารณสุข และสวัสดิการสังคม ไม่รวมผลประโยชน์โดยตรงที่เกิดจากการลงทุนโครงข่ายของบรรดาโอเปอเรเตอร์ นายฐากรขยายความ
และนั้นคือคุณสมบัติที่ 2 ของ 5G ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
แนวโน้มของโอกาสที่จะกอบกู้เศรษฐกิจ พิสูจน์ให้เป็นตัวอย่างมาแล้วจากฝีมือของ ฐากร ในการบริกหารจัดการ 4G
เมื่อ 5G ขยายศักยภาพขึ้นอีกหลายเท่า ด้วยฝีมือของนักบริหารคนเดิม
ย่อมสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพของการกอบกู้ได้