ไม่เพียงแต่ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ต่อญัตติด่วนจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกในอนาคตเท่านั้น
ที่น่าคิด น่าพิจารณา
หากแม้กระทั่งท่าทีของพรรคภูมิใจไทย ท่าทีของพรรคชาติไทยพัฒนา ท่าทีของพรรคชาติพัฒนา ก็น่าพิจารณา น่าคิด
เพียงแต่ของพรรคประชาธิปัตย์มีความแหลมคมมากยิ่งกว่า “เล็กน้อย”
เพราะพรรคประชาธิปัตย์มิได้เป็น “เหยื่อ” จากกระบวนการรัฐประหาร 2 ครั้งล่าสุดเท่านั้น หากแต่พรรคประชาธิปัตย์ยังมี “เงื่อนไข” ในการเข้าร่วมรัฐบาล
นั่นก็คือ เงื่อนไขในการแก้ไข “รัฐธรรมนูญ” ให้เป็น “ประชาธิปไตย”
ในเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ต้องการผลักดันประชาธิปไตย “สุจริต” เข้าแทนที่ประชาธิปไตย “ทุจริต” ยังจะมีอะไรแหลมคมเท่ากับการต้าน “รัฐประหาร” อีกเล่า
นี่ย่อมเป็นคำถามไปยังพรรคประชาธิปัตย์
ความน่าสนใจของพรรคประชาธิปัตย์ คือ ความขึงขังในการที่จะเล่นบทของ “นักประชาธิปไตย” เห็นได้จากการประกาศตั้งแต่ยุค นายชวน หลีกภัย แล้วว่า
ยึดมั่นในหนทาง “รัฐสภา”
แต่แล้วสังคมก็สัมผัสได้ว่า บางส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ไปหนุนและเสริมกำลังให้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
อันเป็นคน “เปิด” ประตูให้กับรัฐประหาร 2549
ยิ่งกว่านั้น สังคมยังสัมผัสได้อย่างเด่นชัดว่าด้านหลักของพรรคประชาธิปัตย์เดินออกจากเวทีรัฐสภาไปเปิดปฏิบัติการ “ชัตดาวน์” กทม. ขัดขวางการเลือกตั้ง
อันเท่ากับ “เปิด” ประตูให้กับรัฐประหาร 2557
ก่อนและหลังเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ประกาศต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.แล้วก็ลงเอยด้วยการถูกถอดออกจากตำแหน่ง
แล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็มีมติเข้าร่วมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
มติของพรรคประชาธิปัตย์ที่เห็นด้วยกับมติวิปรัฐบาลที่จะไม่ให้การสนับสนุนญัตติด่วนจัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดรัฐประหารขึ้นอีกในอนาคต
เป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้
หากว่าก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยวาง “เงื่อนไข” ในการเข้ารัฐบาล หากว่าก่อนหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยสำแดงตนว่าเป็นประชาธิปัตย์ “สุจริต”
หากว่าก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยแสดงความรังเกียจ “รัฐประหาร”
จึงกลายเป็นว่า เมื่อสังคมทอดตามองไปยังพรรคประชาธิปัตย์ก็จะสัมผัสได้ในท่าทีที่สำแดงว่าตนเป็นนักประชาธิปไตย “สุจริต” แต่ละถ้อยคำโอ่อ่า ใหญ่โต
ขณะเดียวกัน เมื่อลงมือปฏิบัติอย่างแท้จริงพรรคประชาธิปัตย์ก็แทบไม่มีอะไรแตกต่างไปจากพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคบัตรเขย่งที่สุมกันอยู่ในรัฐบาลเลย
ความเป็นจริงเหล่านี้เองที่กำลัง “ประจาน” พรรคประชาธิปัตย์
การเมืองนับแต่พรรคไทยรักไทยกำเนิดขึ้นได้ก่อให้เกิด “มิติ” ใหม่ขึ้นเชิงเปรียบเทียบเด่นชัด การเมืองนับแต่พรรคอนาคตใหม่กำเนิดขึ้นยิ่งเด่นชัด
เด่นชัดและสร้างจุดต่าง
แน่นอน ภายในจุดต่างทางการเมืองเหล่านี้ย่อมก่อให้เกิดการเปรียบเทียบระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย
หรือแม้กระทั่งพรรคอนาคตใหม่ก็ตาม