รายงานหน้า 2 มติชน 15 พฤษภาคม 2563 : สำรวจข้อเสนอผ่อนเคอร์ฟิว ตัวแปรระบาด‘โควิดรอบ2’

รายงานหน้า 2 มติชน 15 พฤษภาคม 2563 : สำรวจข้อเสนอผ่อนเคอร์ฟิว ตัวแปรระบาด‘โควิดรอบ2’

สำรวจข้อเสนอผ่อนเคอร์ฟิว
ตัวแปรระบาด‘โควิดรอบ2’

หมายเหตุ – ความเห็นองค์กรภาคธุรกิจและนักวิชาการ กรณีมีข้อเสนอถึงรัฐบาลให้พิจารณาขยายเวลาประกาศห้ามออกจากเคหสถาน (เคอร์ฟิว) จากปัจจุบันช่วงเวลา 22.00-04.00 น. เป็น 23.00-04.00 น.เพื่อประโยชน์ต่อการทำธุรกิจ และเดินทางภายหลังคลายล็อกกิจการ และกิจกรรมบางประเภท


ว่าที่ร้อยเอก จิตร์ ศิรธรานนท์
ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจภาคกลาง หอการค้าไทย

การขยายเวลามาตรการเคอร์ฟิว จากเดิม 22.00-04.00 น. เป็นเวลา 23.00-04.00 น. เบื้องต้นต้องดูวัตถุประสงค์ว่า การขอยืดเวลาออกไปอีก มีเหตุผลอย่างไร เพราะเวลาเพียง 1 ชั่วโมงคงไม่ได้มีผลอะไรมากนัก ซึ่งที่ผ่านมาก็ถือว่าทำได้ดีและสามารถแก้ปัญหาได้ การที่รัฐบาลประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิว เพราะต้องการป้องกันการรวมกลุ่มตั้งวงแอลกอฮอล์ หรือการรวมตัวกันเป็นจำนวนมากๆ มากกว่า

Advertisement

หากมีการยืดเวลา หรือยกเลิกใช้มาตรการเคอร์ฟิวต้องระมัดระวังอย่างมาก หากเกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 2 ขึ้นอีกครั้ง จะหนักและรุนแรงกว่ารอบแรก ซึ่งแพทย์ก็ได้ออกมาเตือนอย่างต่อเนื่อง แต่ยังโชคดีที่ไทยมีแอพพลิเคชั่นหมอชนะ หากสามารถใส่รายละเอียดได้ครบทุกพื้นที่และครบทุกบุคคล จะทำให้สามารถติดตาม หรือหาข้อมูลการติดต่อผู้ที่ต้องสงสัยว่าจะติดเชื้อโควิด-19 ได้

หากยกเลิกเคอร์ฟิวแล้วเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเพิ่มขึ้น หรือพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยสำคัญ จนท้ายสุดต้องกลับมาใช้เคอร์ฟิวอีกครั้ง ถ้าเป็นอย่างนั้นประเมินว่า จะทำให้ทุกอย่างพังไปหมด ส่งผลกระทบในทุกภาคส่วนของประเทศ ทั้งระบบเศรษฐกิจและสังคม เพราะเงินที่มีอยู่ได้ถูกใช้ไปแล้วผ่านการเยียวยาประชาชน และการป้องกันโควิด-19 รวมถึงเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ก็ได้ใช้ไปแล้วบางส่วนด้วย หากกลับมาระบาดใหม่อีกรอบ ก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินจากที่ไหนมาพยุงเศรษฐกิจและเยียวประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนได้อีก

หลังจากกลับมาปลดล็อกทุกอย่างตามปกติแล้ว กังวลว่าการป้องกันตนเองของประชาชนจะหายไป เกิดความชะล่าใจ จะทำให้วิกฤตกลับมาอีกครั้ง และจะเป็นครั้งที่หาทางออกได้ยากกว่าเดิม โดยเคอร์ฟิวในขณะนี้ถือเป็นมาตรการพิเศษ เพราะไม่ได้จำกัดการเดินทางทั้งหมดทุกประเภท หากบุคคลที่มีความจำเป็นจริงๆ ยังสามารถขออนุญาตเดินทางได้ หรือในส่วนของภาคธุรกิจก็ยังสามารถดำเนินได้บ้าง อาทิ การขนส่งสินค้าข้ามจังหวัด ทำให้ภาคธุรกิจไม่ได้ชะงักไปหมด ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้

ต้องไม่ลืมว่าไวรัสโควิด-19 จะอยู่กับเราไปจนกว่าจะสามารถค้นหาวัคซีนต้านไวรัสได้ ตราบใดที่ยังไม่มี ไวรัสก็พร้อมจะกลับมาแพร่ระบาดใหม่ได้ตลอดเวลา การกลับมาเปิดทุกอย่างเต็มที่เหมือนปกติ อาจยังไม่ถึงเวลาในขณะนี้

วโรดม ปิฏกานนท์
ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่

เห็นว่ายังไม่ควรขยายเวลาเคอร์ฟิวออกไป เพราะในช่วงเวลากลางคืนธุรกิจที่จะได้รับผลคือ ธุรกิจกลางคืน อาทิ ผับ บาร์ คาราโอเกะ และร้านอาหารกลางคืน ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดยังไม่เปิดให้บริการ จึงยังไม่มีผลอะไร และคิดว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะเลื่อนเวลาเคอร์ฟิวออกไป

ประเภทร้านอาหารที่รับประทานอาหารเย็น เวลา 21.00 น.ก็กลับบ้านได้แล้ว ถือว่าไม่ได้รับผลกระทบอะไร จึงอยากให้คงเวลาเดิมคือ 22.00 น.ไปก่อน ขณะนี้ห้ามการ์ดตกอย่างเด็ดขาด หากระบาดระลอกที่ 2 จะเอาไม่อยู่ ซึ่งอันตรายมาก

สิ่งที่ภาคธุรกิจต้องทำในขณะนี้ คือ การปรับตัว ทำการตลาดใหม่ ใช้มาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ แต่ถ้าจะคลายล็อกธุรกิจที่มีกิจกรรมตอนกลางวัน ก็เห็นด้วย เพราะสถานการณ์ภาพรวมประเทศดีขึ้นมาก เพื่อให้กลไกเศรษฐกิจได้เริ่มขับเคลื่อน เช่น ห้างสรรพสินค้า เพราะเป็นธุรกิจที่มีมูลค่าสูง จะทำให้เงินสะพัดและหมุนเวียนในระบบ

นอกจากนี้ อยากให้คลายการกักตัว 14 วัน หากควบคุมสถานการณ์ได้ดีแบบ จ.พิษณุโลก และ จ.น่าน ที่ไม่มีการกักตัว 14 วันแล้ว ก็จะเริ่มมีคนจากต่างจังหวัดเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้ แต่ตอนนี้ไม่มีเลย มากันไม่ได้ เพราะมาแล้วไปไหนไม่ได้ตลอด 14 วัน ถ้าปล่อยตรงนี้ได้ คนจะไหลมากันเอง ทั้งจากจังหวัดใกล้เคียงก็จะเข้าไปมาหาสู่กันได้ ก็จะทำให้การท่องเที่ยวเริ่มต้นและขยับไปได้เรื่อยๆ แบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

ฐิติพล ภักดีวานิช
คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

ต้องถามว่า จริงๆ แล้วมาตรการเคอร์ฟิวจำเป็นต้องมีตั้งแต่ต้นหรือไม่ เพราะเหตุผลของมาตรการนี้ไม่ได้ชัดเจนมากนัก อีกทั้งยังมีมาตรการ
อื่นๆ มากอยู่แล้ว ลำพังแค่มาตรการล็อกดาวน์ก็ทำให้หลายคนไม่มีงานทำ ยิ่งมีเคอร์ฟิวก็ยิ่งส่งผลกระทบโดยตรง โดยเฉพาะแรงงานที่อยู่ในตลาดที่ต้องทำงานช่วงตี 2-3 กระทบไปถึงรายได้ของคน
ส่วนตัวจึงมองว่ามาตรการนี้ไม่มีความจำเป็น กระทบชีวิตผู้ที่ไม่มีรายได้ให้ลำบากมากขึ้นไปอีก ในขณะที่ภาพรวมของเศรษฐกิจก็กระทบอยู่แล้ว และรัฐบาลก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ทุกคน

มาตรการเคอร์ฟิวในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ชัดเจนมาก ระหว่าง 4 ทุ่มถึงตี 4 ทุกคนกลับเข้าบ้านหมด ยกเว้นแต่อาชีพที่ได้รับการยกเว้นถึงออกมาข้างนอกได้ ส่วนตัวคิดว่าการเคอร์ฟิวไม่ได้ช่วยลดการแพร่เชื้อ
โควิด-19 ได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะคนออกจากบ้านช่วงกลางวัน ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อมากกว่า

ตอนนี้มีคำถามเรื่องการใช้อำนาจรัฐควบคุมหลายอย่าง หลายคนมองว่ามาตรการนี้ช่วยเรื่องโควิด-19 หรือเพื่อเรื่องการเมือง รัฐบาลต้องการควบคุมไม่ให้เกิดการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ ในต่างประเทศเองก็มีการตั้งคำถามต่อการใช้อำนาจเกินขอบเขตของรัฐบาลโดยไม่จำเป็น โดยใช้ควบคุมสถานการณ์ทางการเมืองมากกว่าควบคุมโรค

ผศ.ดร.วีระ เลิศสมพร
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา

การประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างต่อเนื่อง เป็นผลดีกับคณะทำงานที่บริหารสถานการณ์ ซึ่งอาจจะมองว่าสถานการณ์การผู้ติดเชื้อโควิด-19 ขณะนี้ยังไม่นิ่งเท่าที่ควร แม้จะมีข่าวดีว่ายอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นศูนย์ก็ตาม แต่ระยะเวลาที่เป็นศูนย์ติดต่อกันยังถือว่าสั้นอยู่ ทาง ศบค. จึงเล็งเห็นว่าควรจะยืดระยะเวลาประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีกระยะหนึ่ง
ส่วนข้อเสนอให้พิจารณาขยายระยะเวลาเคอร์ฟิวเพิ่มอีก 1 ชั่วโมง คงไม่ต่างจากเดิมมากนัก เพราะเพิ่มมาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น และเชื่อว่าคนส่วนใหญ่เริ่มคุ้นเคยแล้วว่าจะต้องเข้าบ้านก่อน 22.00 น. เมื่อขยายมาเป็น 23.00 น.ก็ไม่น่าจะมีอะไรที่แตกต่าง เนื่องจากประชาชนเริ่มปรับตัวกับวิถีชีวิตใหม่ได้พอสมควรในเวลานี้ แต่ถ้าเป็นการยกเลิกเคอร์ฟิวจึงจะเห็นชัดเจนมากกว่า เช่น อาจมีคนออกมาเป็นจำนวนมาก ไปเที่ยวหาดมากขึ้น ไปตามสถานที่ต่างๆ มากขึ้น ส่วนตัวมองว่าแม้จะปลดเคอร์ฟิว แต่ยังสั่งปิดสถานบันเทิงก็อาจไม่ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากนัก

ขณะนี้กิจการหลายอย่างน่าจะคลายล็อกได้ เนื่องจากขณะนี้ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่มีจำนวนอยู่ในระดับที่คลายกังวลใจได้พอสมควร หากจะปิดทั้งหมดทั้งประเทศ ก็อาจส่งผลกระทบที่ต่อเนื่องทางด้านเศรษฐกิจ จึงมองว่าควรพิจารณาคลายล็อกกิจการ หรืออาชีพเพิ่มเติมมากกว่า

อย่างไรก็ดี หากมองอย่างรอบด้าน ในมุมผู้ดูแลสถานการณ์ก็มีเหตุผลที่จะคงการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในระดับหนึ่งว่าจะไม่เกิดการกลับมาระบาดระลอก 2 เหมือนหลายประเทศ แต่อีกมุมทั้งรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาดูว่า ณ จุดใดถึงเวลาเหมาะสมที่จะประกาศยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลพินิจที่ต้องดูทั้งกระแส และความเหมาะสมประกอบกัน แต่สิ่งที่รัฐบาลควรยึดอยู่เป็นเหตุผลหลักคือ ความมั่นใจในระดับหนึ่งว่าสถานการณ์ยังคงเอาอยู่

ดังนั้น หากสถานการณ์พอคลี่คลายระดับหนึ่งก็สมควรที่จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ถ้าอยู่ในช่วงระยะเวลาที่รู้สึกว่ายังไม่ค่อยมั่นใจนัก การคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ก็อาจจะมีผลดีมากกว่าหากมองในเชิงบวก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image