บทนำมติชน วันที่ 30 พฤษภาคม 2563 : ก้อนอิฐ-ดอกไม้
ระหว่างการประชุมสภาพิจารณาพระราชกำหนด นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่าเป็นห่วง พ.ร.ก.เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท เพราะกู้มากแต่รายละเอียดน้อย และกล่าวถึงเศรษฐกิจไทยว่าน่าเป็นห่วง แต่สำนักวิเคราะห์ของไทยคิดบวกเกินไป ภาคเอกชนบอกว่า ติดลบร้อยละ 8-11 ไอเอ็มเอฟ ระบุว่า ติดลบใกล้ร้อยละ 7 ที่น่าฉงนคือกระทรวงการคลัง แจ้งงดการแถลงหน้าตาเฉย โดยให้เหตุผลว่าจะแถลงเมื่อไทยเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่คาดการณ์ซื้อขายสินค้าทั่วโลก ติดลบประมาณร้อยละ 20 และนักท่องเที่ยวจะยังไม่กลับมา
ยังมีความเห็นที่น่าสนใจจาก ส.ส.อีกหลายคน ในเรื่องการจัดการปัญหาต่างๆ ทั้งการเยียวยา การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งมี ส.ส.จาก 3 จังหวัดชายแดนใต้ เปิดเผย ทั่วประเทศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมา 2 เดือนกว่า ยังขอให้ยกเลิก แต่ 3 จังหวัดใต้ต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมา 16 ปีแล้ว ผู้อภิปรายอีกคน คือ นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า รัฐบาลใช้ยาแรงไว้ก่อน แต่ไม่ได้คิดแผนไว้ จะต้องรีบจ่ายเงินช่วยประชาชน แต่กลับมีเงื่อนไขมากมายกว่าจะได้เงิน และทำไมหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ถึงขาดแคลน รวมถึง นพ.เอกภพ เพียรวิเศษ ส.ส.เชียงราย พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ ไม่มีคนที่มีความรู้ด้านสาธารณสุขและไม่มีตัวแทนจากประชาชนเลย ทั้งๆ ที่เป็นเงินกู้ก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งในประวัติศาสตร์
เป็นแง่มุมหนึ่งของความเห็นจากการอภิปราย ซึ่ง 2 วันที่ผ่านมา มีการสะท้อนปัญหาและวิพากษ์วิจารณ์อย่างน่าสนใจ น่าเสียดายที่รัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับเสียงจาก ส.ส.ที่รับฟังปัญหาจากประชาชนมาตั้งแต่ต้น ทำให้การแก้ปัญหาโควิดไม่รอบด้านเท่าที่ควร รัฐบาลอาจพึงพอใจกับเสียงชื่นชมจากหลายประเทศว่า ประเทศไทยควบคุมการแพร่ระบาดได้ แต่การแก้ปัญหาระดับวิกฤต ย่อมมีทั้งดอกไม้และก้อนอิฐ เมื่อชื่นชมกับดอกไม้ ก็ควรเข้าใจว่าทำไมจึงมีก้อนอิฐโยนเข้ามาด้วย รัฐบาลจึงควรรับฟังเสียงจาก ส.ส. ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะฝ่ายค้าน แต่มี ส.ส.รัฐบาลด้วย เพื่อแก้ไขปัญหาที่เริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะเร่งผ่อนคลายมาตรการต่างๆ แล้วก็ตาม
