บทนำวันจันทร์ที่1มิถุนายน2563 : เฟส3-แก้เศรษฐกิจ

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศผ่อนคลายล็อกดาวน์ เฟส 3 อย่างเป็นทางการ ลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแล้ว ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.เป็นต้นไป เนื้อหาสาระที่น่าสนใจ อาทิ ปรับเคอร์ฟิว เป็น 23.00 น. ถึง เวลา 03.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ผ่อนคลายกิจกรรมบางอย่างใน 2 กลุ่มกิจกรรม คือ 1.กิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต 2.กิจกรรมด้านการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพหรือสันทนาการ ผ่อนคลายการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด

ผลการผ่อนปรน ทำให้กิจการหลายอย่างกลับมาดำเนินการได้ หรือดำเนินการได้มากขึ้น อาทิ ร้านเสริมสวย นวดไทย สปาเฉพาะตัว ที่ไม่ใช่การสัมผัสใบหน้า แต่ไม่อนุญาตให้อบไอน้ำ อบสมุนไพร โรงภาพยนตร์ โรงละคร โรงมหรสพ จำกัดรอบละไม่เกิน 200 คน ให้แสดงลิเก การละเล่นพื้นบ้านได้ แต่ยังห้ามการแสดงดนตรีและคอนเสิร์ต เปิดสนามกีฬาเพื่อออกกำลังและฝึกซ้อมกีฬา ส่วนโรงเรียน สถานศึกษา ยังให้ใช้อาคารสถานที่เพื่อการรับสมัคร การอบรมระยะสั้นได้ ส่วนการเปิดโรงเรียน ยังเป็นวันที่ 1 กรกฎาคม ส่วนกิจการที่มีความเสี่ยงสูง อย่างผับ บาร์ สนามมวย จะพิจารณาในเฟส 4 ซึ่งครั้งนี้จะไม่รอ 14 วัน แต่ก็จะมีการประเมินในวันที่ 15 มิ.ย.

การผ่อนคลายในครั้งนี้ เน้นเรื่องเศรษฐกิจ และให้ประชาชนดำเนินชีวิตใกล้สภาพปกติมากขึ้น การผ่อนเวลาเคอร์ฟิวในช่วงเช้ามืด เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า วัตถุดิบข้ามจังหวัดได้อย่างสะดวกขึ้น ซึ่งในภาพรวมจะเกิดประโยชน์กับประชาชน เพราะ 2 เดือนเศษที่ผ่านมา เป็นที่ทราบกันว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย ทำงานหารายได้วันต่อวันหรือรายเดือน เดือดร้อนอย่างหนักจากการปิดกิจการ จากการตกงาน ขาดรายได้ ส่งผลกระทบไปถึงครอบครัวและเยาวชนลูกหลาน

รัฐบาลและภาคราชการประสบความสำเร็จอย่างสูง ในการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส จนได้รับเสียงชื่นชม แต่สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาควบคู่กันไป คือ การดูแลและเยียวยาชีวิตความเป็นอยู่และปากท้องของประชาชน ที่เสียสละให้ความร่วมมือกับมาตรการต่างๆ ของรัฐ ไม่ควรต้องมาแบกรับภาระความเดือดร้อน ให้กลับมาทำอาชีพการงาน เลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ และเรื่องนี้คือตัวชี้วัดความสำเร็จที่ไม่อาจจะมองข้ามได้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image