สำนักวิจัยซูเปอร์โพลเผยผลสำรวจระหว่างวันที่ 9-12 มิ.ย. ระบุว่า ความเห็นกลุ่มตัวอย่าง ห่วงใยการแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ทำรัฐบาลแตกแยก บ้านเมืองวุ่นวาย บนความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชน กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 70.5 ชี้ว่าการยุบสภา คืนอำนาจประชาชน ให้มีการเลือกตั้งใหม่จะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ส่วนร้อยละ 17.8 เสนอให้ปรับคณะรัฐมนตรี และร้อยละ 11.7 เสนอว่าทำงานต่อไป โพลยังระบุด้วยว่า การยุบสภาช่วงนี้จะเหมาะมากต่อจังหวะลงจากหลังเสือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
การลาออกของกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ 18 คน เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงคณะรัฐมนตรี ทำให้การเมืองไหวกระเพื่อม จากการที่ ส.ส.กลุ่มต่างๆ เตรียมการต่อรองเพื่อขอเข้ารับตำแหน่ง ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์ มีการรวมตัวไปรับประทานอาหารกับอดีตแกนนำพรรค ส่วนพรรคอื่นๆ ยังนิ่งๆ อยู่ แต่มีความไม่แน่ใจว่า การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นกับตนเองหรือไม่ ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงการเมืองที่ใช้ระบบจำนวน ส.ส.ไปแลกโควต้ารัฐมนตรี ซึ่งเป็นวิธีการที่ท้วงติงกันมากว่าจะไม่ได้ตัวบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเหมาะกับตำแหน่งอย่างแท้จริงเข้าไปทำหน้าที่ กลายเป็นจุดอ่อนของการเมืองแบบรัฐสภา
อย่างไรก็ตาม การเสนอให้ยุบสภาในขณะนี้ก็เป็นปัญหาในตัวเอง เพราะการเมืองยังอยู่ภายใต้บทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญที่ดีไซน์เพื่อบางกลุ่ม และบรรดากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ อันเป็นที่มาของปัญหาทางการเมืองหลายเรื่อง หากยุบสภา เลือกตั้งใหม่จริง การนับคะแนนปาร์ตี้ลิสต์จะเป็นแบบเดิม ที่ทุกพรรคต่างประสบปัญหามาแล้ว การลงคะแนนรับรองนายกรัฐมนตรีจะกำหนดโดย ส.ว.ทำให้เจตนารมณ์ของประชาชนที่แสดงผ่านการลงคะแนนเลือกตั้งต้องเบี่ยงเบนไป
ท่ามกลางกระแสสังคมที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ขณะเดียวกันยังมีปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด มีการออกกฎหมายกู้เงินและจัดการงบประมาณเพื่อฟื้นฟูความเสียหาย พรรคการเมืองต้องช่วยกันคิดว่า ทำอย่างไร จะทำให้การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเป็นไปในทิศทางที่สามารถแก้ไขปัญหาให้ประชาชนและประเทศชาติได้ และที่สำคัญอย่างมาก คือจะต้องหาทางแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยโดยเร็ว
