รายงานหน้า2 : สมช.แจงเลิก‘เคอร์ฟิว’ ไม่แตะ‘พ.ร.ก.ฉุกเฉิน’

หมายเหตุพล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการลดการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้สัมภาษณ์ในรายการ NBT รวมใจสู้ภัยโควิด-19 ถึงมาตรการคลายล็อกกิจกรรมและกิจการในระยะที่ 4 และการยกเลิกคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน เป็นต้นไป

ความจริงตัวข้อกำหนดฉบับใหม่ที่ได้คุยกันเมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ตั้งแต่คืนวันที่ 14 มิถุนายน เป็นต้นไปจะถือว่าไม่มีเคอร์ฟิวแล้ว และทุกมาตรการที่ได้รับการผ่อนคลายจะมีผลในวันที่ 15 มิถุนายน เป็นต้นไป ยกเว้น ผับ บาร์ คาราโอเกะ โรงเรียนทั่วไป จะเริ่มเปิดเรียนตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งรัดเตรียมมาตรการต่างๆ อยู่ ส่วนโรงเรียนนานาชาติที่อนุญาตให้เปิดก่อนเพราะว่าโรงเรียนเหล่านี้มีช่วงเปิดปิดเทอมไม่เหมือนของไทย และเชื่อมโยงกับระบบการศึกษาของประเทศอื่นๆ จึงจำเป็นต้องเปิดให้ก่อน ขณะเดียวกันเราก็เปิดโรงเรียนที่มีความพร้อมหรือโรงเรียนที่มีขนาดนักเรียนน้อยกว่า 120 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนที่อยู่ตามชายแดนหรือในชนบท ยอมรับว่าเรามีความกังวลในกลุ่มนักเรียนเด็กเล็ก อย่างไรก็ตาม ก็ต้องมีการเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 กรกฎาคม เพราะเด็ก
ต้องเรียนหนังสือ

ทั้งนี้ ต้องมีมาตรการที่คุมเข้มเพราะเด็กมักจะซุกซนอาจจะไม่สามารถทำตามมาตรการรักษาระยะห่างได้ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องฝึกฝนให้รู้จักการปฏิบัติตนใหม่ ต้องล้างมือให้เป็นนิสัย เมื่อโรงเรียนเปิดพ่อแม่ผู้ปกครองก็ต้องไปส่งเด็ก ส่วนนี้อาจจะทำให้เกิดการจราจรคับคั่งได้ จึงต้องหาแนวทางดูแลต่อไป ซึ่งทุกคนก็ต้องให้ความร่วมมือ เราไม่มีทางเลือกอื่น อย่างไรก็ต้องเสี่ยง แต่เราก็เชื่อว่าทุกคนจะพยุงความเสี่ยงนี้ได้ต่อไปก่อน

โดยภายในวันที่ 13 มิถุนายน จะมีการออกมาตรการเพื่อกำกับกิจการกิจกรรมกิจการที่เราได้ผ่อนคลายไป โดยจะมีรายละเอียดออกมารองรับข้อกำหนดที่เราออกไปเมื่อวานนี้ ในข้อกำหนดที่ออกไป ก็เปิดช่องให้ว่า หากกิจการใดที่มีความสงสัยในข้อกำหนดก็สามารถทำหนังสือส่งมาที่ สมช. ผมจะทำหน้าที่ตอบข้อสงสัยของท่านต่อไป

Advertisement

ส่วนงานอีเวนต์ งานจัดแสดงสินค้า การรวมตัวในห้องประชุม งานอบรมประชุมสัมมนา ที่ได้รับอนุญาตนั้น หากเปิดแล้วก่อให้เกิดความแออัดก็ต้องมีมาตรการลงโทษเช่นกัน ดังนั้น ทุกๆ กิจกรรมกิจการยังต้องคำนึงถึงการรักษาระยะห่างทางสังคมอยู่ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของเราเข้าไปดูแล และผู้ที่ดำเนินกิจกรรมกิจการนั้น จะต้องแจ้งรายละเอียดว่าใครเป็นผู้ดูแลกิจกรรมกิจการนั้นอยู่ หากพบว่าไม่ปฏิบัติตามมาตรการอาจจะมีการสั่งปิดเหมือนตัวอย่างที่ผ่านมาซึ่งจะเป็นการลงโทษเฉพาะจุด

สำหรับร้านอาหารมีลักษณะกึ่งผับบาร์ หากจะจำหน่ายสุราให้ดื่มภายในร้านก็ต้องมีใบอนุญาต หากขายอาหารเป็นหลัก แล้วสุราขายไม่มากก็ถือว่าโอเค แต่หากมีปรากฏว่าขายสุราเป็นหลักก็จะมีปัญหา ทั้งนี้ ยังมีกฎหมายอื่นกำกับเรื่องการดื่มสุราในภัตตาคารหรือร้านอาหาร ซึ่งต้องปฏิบัติตามกฎหมายนั้นนั้น เช่น พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 โดยจะมีการควบคุมช่วงเวลาการดื่มไว้ด้วยแม้ตอนนี้จะไม่มีเคอร์ฟิวก็ตาม

ส่วนผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ยังไม่ได้รับการผ่อนปรนให้เปิดกิจการนั้น ผู้ประกอบการเจ้าของธุรกิจก็ต้องเตรียมวางแผนดำเนินกิจการตามแนวทางนิวนอร์มอล ผมคิดว่ากิจการเหล่านี้อีกไม่กี่วันอาจจะได้รับการผ่อนคลายแต่ก็ต้องดูว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไรและผู้ประกอบกิจการต้องแสดงความพร้อมและความปลอดภัยอย่างชัดเจน โดยหลังจากนี้เราจะเข้าไปพูดคุยกับกิจการเหล่านี้เพื่อตรวจสอบว่ามีความพร้อมหรือไม่อย่างไร หากมีความพร้อมเร็วก็เปิดเร็ว

Advertisement

ผับ บาร์ อาบอบนวด อาจจะได้รับการพิจารณาอย่างเร็วที่สุดก็คือวันที่ 1 กรกฎาคม หากมีความจำเป็นที่ต้องช้าไปกว่านั้นก็ต้องเลื่อนออกไปก่อน ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการที่ต้องมานำเสนอให้เรามั่นใจได้ว่าธุรกิจของท่านหรือกิจการที่รับผิดชอบอยู่เมื่อเปิดแล้วจะมีความมั่นใจได้อย่างไรว่าจะควบคุมโรคได้ หากสร้างความมั่นใจได้มากก็สามารถเปิดได้ในที่สุด เพราะกิจการประเภทนี้ในต่างประเทศเป็นสาเหตุหนึ่งของการระบาดรอบที่สองซึ่งเราไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น และขณะนี้กีฬาทุกชนิดสามารถเปิดได้หมดรวมไปถึงสนุกเกอร์คลับด้วย ทั้งที่ใช้สำหรับฝึกซ้อมหรือแข่งขัน แต่ทั้งนี้ต้องไม่มีผู้ชมในสถานที่นั้น อาจจะเป็นการถ่ายทอดสดออกอากาศให้ผู้ชมทางบ้านแทน

โดยจะประเมินสถานการณ์ทุกวัน ขณะนี้ไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศมาประมาณ 18 วันแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ยังมีผู้ติดเชื้อที่กลับมาจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เราก็ยังระมัดระวังเพราะอาจจะมีผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการ นายกรัฐมนตรีพูดเสมอว่า เหตุที่เราต้องผ่อนคลายเป็นระยะๆ สืบเนื่องมาจากที่ประชาชนทุกคนให้ความร่วมมือสวมใส่หน้ากากอนามัยเสมอ แต่หากวันใดเกิดการระบาดครั้งใหม่ก็ต้องกลับมาสู่เฟส 3 เฟส 2 ซึ่งเราก็ไม่อยากทำแบบนั้น สำคัญที่สุดคือทุกคนต้องเคร่งครัดและมีวินัยให้ความร่วมมืออย่างเหนียวแน่นต่อไปอย่างที่เคยทำมาตลอด 2-3 เดือน พูดง่ายๆ ก็คืออย่าการ์ดตก อีกสักพักหนึ่งก็อาจจะมีการผ่อนคลายกิจกรรมกิจการทั้งหมด หรือแม้กระทั่งอาจจะต้องรับคนต่างชาติหรือคนไทยที่อยู่ต่างประเทศกลับเข้ามาในประเทศซึ่งก็มีความเสี่ยงทั้งสิ้นทุกอย่างจึงต้องทำไปอย่างนี้เป็นขั้นตอน

โดยคืนวันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน จะถือว่าไม่มีเคอร์ฟิวแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่อนุญาตให้มีการมั่วสุมชุมนุม เพราะยังมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินอยู่ เจ้าหน้าที่ยังมีอำนาจหน้าที่ในการจับกุมหากพบผู้กระทำผิด เรายกเลิกเคอร์ฟิวเพื่อให้การดำเนินชีวิตกลับสู่ปกติมากที่สุด คนหาเช้ากินค่ำหรือคนทำงานดึกก็ไม่ต้องมากังวลเรื่องรีบกลับบ้านอีก

เรื่องแพลตฟอร์มไทยชนะเป็นเรื่องจำเป็นโดยเราจะให้ความสำคัญในช่วงเฟส 3 และเฟส 4 เพราะเป็นการผ่อนคลายที่มีความเสี่ยงสูง เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าหากมีการติดเชื้อขึ้นมา จะสามารถหาผู้ที่เป็นต้นเหตุของการติดเชื้อและหาคนที่อยู่ใกล้ชิดกับคนคนนั้นได้อย่างไร เพื่อทำให้สามารถควบคุมการแพร่กระจายได้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ ขอย้ำว่าข้อมูลที่เราเก็บรักษาไว้เป็นข้อมูลเพื่อติดตามตัวกรณีที่เราสงสัยว่าเป็นต้นเหตุของการแพร่กระจายของเชื้อไม่ได้มีเจตนาเพื่อใช้ประโยชน์อย่างอื่น ซึ่งเก็บข้อมูลไว้เพียง 60 วัน ก่อนจะลบทิ้ง เพราะเราไม่มีพื้นที่จัดเก็บได้มากขนาดนั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคลใดๆ ทั้งสิ้น เป็นไปเพื่อการควบคุมโรคอย่างแท้จริง หน่วยงานเดียวที่ใช้ข้อมูล คือ กรมควบคุมโรคไม่เกี่ยวกับหน่วยงานอื่น

ส่วนจะต่อหรือยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังเร็วเกินไปที่จะพูด คงต้องรอประมาณปลายเดือนมิถุนายนจึงจะสามารถพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เข้าใจดีว่าเวลาพูดถึง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดูแล้วก็อาจจะน่ากลัว แต่พอไปดูมาตรการต่างๆ ที่ใช้ แทบจะไม่ได้มีอะไรเลย เพราะตอนนี้ก็ยกเลิกเคอร์ฟิวให้แล้วมีหรือไม่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แทบจะไม่ต่าง เรามี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้การทำงานของทุกส่วนราชการเป็นเอกภาพมากขึ้น ชัดเจนมากขึ้น เป็นไปในทิศทางเดียวกัน บางคนก็บอกว่า พ.ร.บ.โรคติดต่อ ก็ใช้ได้ แต่หากไปศึกษาในรายละเอียดกฎหมายฉบับนี้ถูกใช้เพื่อการแก้ไขเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว แต่ไม่สามารถกำหนดมาตรการในการป้องกันเหมือนที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำได้ เช่น การบริหารจำกัดคนเข้าสู่ราชอาณาจักร ที่มีการจำกัดคนเข้าออกประเทศของเรา เหตุผลที่เราประสบความสำเร็จได้ก็เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงอย่าไปรังเกียจรังงอนถึงขนาดต้องยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประเด็นคือมีกฎหมายอื่นที่มีประสิทธิภาพเท่านี้หรือไม่ หากมีผมก็ไม่มีปัญหา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image