ปรากฏการณ์การเคลื่อนไหวและการต่อสู้ที่เกิดขึ้น ดำรงอยู่และดำเนินไป “ภายใน” พรรคพลังประชารัฐคือเงาสะท้อนที่เป็นจริงของการเมืองในปัจจุบัน
ไม่ว่าจะมองผ่าน “กลุ่ม 4 กุมาร”
ไม่ว่าจะมองผ่านการสามัคคีของ “กลุ่ม” ต่างๆ ที่พร้อมใจกันชูภาพ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นสูงเด่นในลักษณะอันเป็น “ธงนำ”
คล้ายกับเป็นความขัดแย้ง แย่งชิง “อำนาจ” กันอย่างธรรมดา
คล้ายกับการรุกไล่และกดดันอันเกิดขึ้นของกลุ่มต่างๆ ภายในพรรคจะเป็นยุทธการสหบาทาต่อ “กลุ่ม 4 กุมาร” อย่างเหี้ยมโหด ไม่ปรานี
คำถามก็คือ “กลุ่ม 4 กุมาร” ไร้เดียงสาเป็นเหมือน “สมัน” ในทางการเมืองอย่างนั้นหรือ
คำถามก็คือ กระบวนท่าอันฝ่ายตรงกันข้ามงัดขึ้นมาเพื่อจัดการกับ “กลุ่ม 4 กุมาร” คือรูปธรรมแห่งการเมืองน้ำเน่า การเมืองสามานย์ อย่างนั้นหรือ
ทุกอย่างดำเนินไปในแบบ “ขิงก็ราข่าก็แรง”
“กลุ่ม 4 กุมาร” มิได้เป็นละอ่อนและไร้เดียงสาในทางการเมืองอย่างแน่นอน หากไร้เดียงสาไฉนจะสามารถก่อปฏิบัติการเมื่อเดือนสิงหาคม 2558 ได้
ปฏิบัติการนี้ผู้ที่ตอบได้ดีย่อมเป็น “หม่อมอุ๋ย”
อาการอย่างที่ “กลุ่ม 4 กุมาร” ประสบในเดือนมิถุนายน 2563 แทบไม่แตกต่างไปจากอาการที่
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล และคณะประสบเมื่อเดือนสิงหาคม 2558
ต้องยอมรับว่า “กลุ่ม 4 กุมาร” มิได้ดำรงอยู่อย่างเป็น “เป้านิ่ง” ทางการเมือง
นับแต่มีการออกปากขอให้ นายอุตตม สาวนายน สละตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อเปิดทางให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้ามาแทนที่
ถามว่า “กลุ่ม 4 กุมาร” ทำอย่างไร
“กลุ่ม 4 กุมาร” มิได้อยู่เฉย ตรงกันข้าม กลับดำเนินปฏิบัติการ “โต้กลับ” อย่างแยบยล อาศัยช่องทางอย่างน้อย 2 ช่องทางปล่อยข่าวให้ “หลุด” ออกมา
เรื่องนี้แม้แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็รู้
ยิ่งเมื่อประสบกับการรุกไล่และเผด็จศึกในที่ประชุมสามัญประจำปีพรรคพลังประชารัฐเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนยิ่งไม่ยอมอยู่นิ่งในทางการเมือง
จังหวะก้าวแรก คือ การลาออกจากพรรค
นั่นก็คือ การถอยในทางยุทธศาสตร์ ถอยเข้าไปหลบอยู่ภายใต้ร่มเงาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หวังจะอาศัยทำเนียบรัฐบาลเป็นป้อมปราการ
ดันหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าเป็นด่านหน้าเป้าหมายก็เพื่อขยายความขัดแย้งระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้กลาย
เป็นการปะทะระหว่าง “กลุ่ม 3 ป.”
นั่นก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
กระบวนท่าของ “กลุ่ม 4 กุมาร” จึงดำเนินไปเหมือนกับสมันน้อยที่หลบการไล่ล่าของพยัคฆ์ร้ายเข้าไปในพุ่มไม้และค่อยๆ และเล็มใบไม้ทีละใบ ทีละใบ
ผลก็คือ แม้กระทั่ง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็ต้องลาออก
ไม่ว่าจะมองผ่าน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไม่ว่าจะมองผ่าน นายอุตตม สาวนายน ท่านเหล่านี้มิได้เป็นละอ่อนในทางการเมือง
ไม่เพียงแต่ “ทักษิณ” จะรู้ดี หาก “หม่อมอุ๋ย” ก็รู้ดี
มาถึงเดือนกรกฎาคม 2563 จำนวนคนที่รู้จัก “กลุ่ม 4 กุมาร” อย่างลึกซึ้งถึงแก่นก็เพิ่มทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้าไปด้วย
เพราะว่ายังมี “อาฟเตอร์ช็อก” ตามมาอีกมากมาย