ในที่สุดที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่เห็นชอบให้ต่ออายุการใช้ พ.ร.ก.การบริหารรฟาชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอีก 1 เดือน ท่ามกลางความสงสัยว่าเจตนาของการต่ออายุการใช้ พ.ร.ก.ครั้งนี้ มีนัยมากกว่าการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพราะในขณะนี้เริ่มมีการชุมนุมของกลุ่มนักเรียนนิสิตนักศึกษาออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ดังนั้น จึงเกิดความกังวลว่าจะมีการใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อห้ามการแสดงออกของนักเรียนนิสิตนักศึกษา
อย่างไรก็ตาม พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงว่า การขยายระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉบับนี้ออกไปอีก 1 เดือน เพราะหน่วยงานด้านความมั่นคงได้หารือร่วมกับประชาคมข่าวกรอง และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข ได้รับการยืนยันจากทีมแพทย์ว่าสถานการณ์ทั่วโลกยังรุนแรง ขณะที่เราจำเป็นต้องเปิดประเทศมากขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เครื่องมือเพียงอย่างเดียวที่จะประกันได้ว่า สิ่งที่เราอนุญาตหรือผ่อนคลายไปในเชิงธุรกิจ เศรษฐกิจจะถูกชั่งน้ำหนักโดยความปลอดภัยด้านสาธารณสุข คือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
พล.อ.สมศักดิ์ยืนยันว่าการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในขณะนี้ มีการใช้มาตรา 9 พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ค่อนข้างเบาที่สุด ไม่มีการควบคุมการออกนอกเคหสถาน และจะไม่ใช้มาตรา 9 มาห้ามการชุมนุม เพื่อแสดงให้เห็นว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่จะต่อในเดือนสิงหาคม มีเจตนาโดยบริสุทธิ์ใจเพื่อใช้ควบคุมโรคเพียงอย่างเดียว โดยการชุมนุมทางการเมืองจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องที่เป็นกฎหมายปกติ โดยการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น ใช้เพื่อประโยชน์ในการทำงานของเจ้าหน้าที่ ไม่มีมาตรการอื่นในการบังคับประชาชน จึงต้องใช้ต่อไปอย่างน้อยอีก 1 เดือน เพื่อรอกฎหมายอื่นมาทดแทน
ถือเป็นคำมั่นสัญญาจากฝ่ายภาครัฐที่พร้อมเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของนักเรียนนิสิตนักศึกษา และไม่ขัดขวางการชุมนุมโดยสงบที่ถูกต้องตามครรลอง ขณะเดียวกันรัฐบาลน่าจะใช้จังหวะเวลาที่สังคมแสดงความสงสัยว่ามีเจตนากีดกันคนเห็นต่าง ด้วยการแสดงความจริงใจ เปิดช่องทางการรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มบุคคลที่เห็นต่างเท่าที่จะทำได้ ทั้งใช้กลไกของภาครัฐ กลไกของรัฐสภา และอื่นๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย “รวมใจสร้างชาติ” ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ประกาศไว้
