กระทรวงสาธารณสุขรายงานความคืบหน้าผลการสอบสวนและควบคุมโควิด-19 กรณีพบหญิงไทย 2 ราย ที่มารับการตรวจสุขภาพก่อนจะเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ บ่งชี้ว่าเคยมีการติดเชื้อโควิดมาก่อน ทีมปฏิบัติของกรมควบคุมโรค หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่สอบสวนโรค เพื่อค้นหาและติดตามตัวผู้ใกล้ชิดในครอบครัวและชุมชนทันที เพื่อเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อก่อโรคโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR และพบว่า 1.ผู้ใกล้ชิดในครอบครัวและเพื่อนบ้านของรายที่ 1 ที่อายุ 34 ปี รวม 23 คน ผลการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการพบว่า ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19 2.ผู้ใกล้ชิดในครอบครัวและเพื่อนบ้านของรายที่ 2 ที่อายุ 35 ปี รวม 15 คน ผลการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการพบว่า ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ ไม่พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด-19
ผลตรวจผู้สัมผัสใกล้ชิด ที่ไม่พบเชื้อโควิด ถือว่าเป็นข่าวดี และลดความหวั่นวิตกลงไป เพราะก่อนหน้านี้ ข่าวหญิงไทยทั้ง 2 ราย และผู้สัมผัสใกล้ชิดจำนวนนับสิบคน จากกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ จ.เลย และ กทม. ทำให้เกิดความตื่นตระหนกว่า เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ในประเทศอีกรอบ หลังจากไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศมานานนับเดือน ในเรื่องนี้ ต้องให้เครดิตกับกระทรวงสาธารณสุข และบุคลากรทางการแพทย์ทุกกลุ่มที่ทำงานอย่างหนัก เพื่อให้คนไทยพ้นจากโอกาสติดเชื้อ ในเรื่องนี้ กระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาล ขอให้ประชาชนยังคงดูแลป้องกันตนเอง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องเช่นเดิม นั่นคือ “สวมหน้ากาก ล้างมือ แยกของใช้ เว้นระยะห่าง ลดแออัด”
การไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศ หรือพบแต่สามารถจำกัดการแพร่ระบาดได้ มีความหมายต่อประเทศไทยอย่างมาก เพราะรัฐบาลกำลังหาหนทางเปิดประเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาใช้จ่าย หลังจากที่ตัวเลขดังกล่าวเป็นศูนย์มาหลายเดือน ส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก ขณะที่กิจกรรมอื่นๆ ที่มีผลทางด้านเศรษฐกิจ จะได้ดำเนินไปด้วยความมั่นใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการค้าขาย สถานบันเทิง ธุรกิจกีฬา อย่างฟุตบอล มวย วอลเล่ย์บอล ฯลฯ เพื่อให้ประชาชนได้ประกอบอาชีพ ทำธุรกิจ สร้างรายได้ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปพร้อมกัน