บทนำวันจันทร์ที่19ตุลาคม2563 : ผลจากสลายม็อบ

ตำรวจใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดขับไล่ผู้ชุมนุมคณะราษฎร 2563 แม้อ้างว่าทำตามขั้นตอนของการสลายการชุมนุม แต่ภาพที่ออกไป สร้างความสะเทือนใจแก่ผู้พบเห็นและติดตามข่าว เพราะผู้ชุมนุมรวมตัวโดยสงบ สันติ มือเปล่า มีเพียงร่มและขวดน้ำพลาสติก ส่วนมากอยู่ในวัยเรียน แตกต่างจากม็อบเมื่อปี 2556-2557 ซึ่งทางราชการก็ไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจังเหมือนในครั้งนี้

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติออกแถลงการณ์ว่ากังวลและห่วงใยสถานการณ์ แม้ว่าการชุมนุมของคณะราษฎร ต้องห้ามตามข้อกำหนดของประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ยังไม่ปรากฏลักษณะที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ความรุนแรงจนเป็นเหตุถึงขั้นที่รัฐบาลต้องตัดสินใจใช้มาตรการในการสลายการชุมนุม จึงเห็นว่าเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ ทั้งนี้ การบังคับใช้กฎหมายจำเป็นต้องคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานบางประการที่ไม่สามารถละเมิดได้ (non-derogable) ของผู้ชุมนุม โดยเฉพาะการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชน

กสม.ได้เสนอข้อเรียกร้องคือ 1.รัฐไม่ควรใช้มาตรการรุนแรงสลายการชุมนุมโดยสงบ ซึ่งได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญ กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง 2. รัฐไม่พึงใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน และต้องคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเด็กในการแสดงความคิดเห็นตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก 3.รัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติควรใช้กระบวนการของรัฐสภาแก้ไขปัญหา 4.รัฐบาลควรเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น และ 5.การใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทุกฝ่าย ควรเคารพสิทธิมนุษยชน หลีกเลี่ยงการสร้างความขัดแย้งเกลียดชัง ปลุกเร้าให้เกิดความรุนแรง และเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น

วันรุ่งขึ้นคือวันที่ 17 ต.ค. องค์กรต่างๆ ได้ประณามการตัดสินใจของรัฐบาล มีการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในลักษณะดาวกระจาย 3 จุดใหญ่ใน กทม.และจุดย่อยอื่นๆ อีกหลายจุด มีผู้เข้าร่วมล้นหลาม และนัดแนะกันว่าจะยุติการชุมนุมในเวลา 20.00 น. ก่อนกลับมาชุมนุมอีกในวันรุ่งขึ้น ยิ่งทำให้เห็นว่าการสลายม็อบเมื่อวันที่ 16 ต.ค. เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข ด้วยการเยียวยาผู้เสียหาย และแก้ปัญหาด้วยการเจรจา รับฟังข้อเรียกร้องของเยาวชน ประชาชนอย่างจริงใจและจริงจัง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image