เหตุใดการเคลื่อนไหวของ “คณะราษฎร 2563” จึงปรากฏเป็นข่าว กระทั่งกลายเป็นพาดหัว “ตัวไม้” และภาพก็ได้เข้ายึดครองพื้นที่อย่างเต็มเหยียด
ทั้งๆ ที่เป็นการเคลื่อนไหว “การเมือง” อันเข้มข้น
ไม่เพียงแต่ 1 เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมกับองคาพยพจากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 พ้นไปจากอำนาจ
1 จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่โดย “ประชาชน”
ขณะเดียวกัน 1 ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อคงบทบาทของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างแท้จริง
เป็นเพราะ “เสรีภาพ” ของ “สื่อ” มีอยู่อย่างเข้มข้น กระนั้นหรือ
เป็นเพราะปรากฏการณ์อันเกิดขึ้นและดำรงอยู่นับแต่เดือนกรกฎาคม สิงหาคม กันยายน เรื่อยมาจนถึงเดือนตุลาคมเป็นเรื่อง “ใหญ่”
ใหญ่จนมิอาจปิดลบ กลบข่าวได้ในทางเป็นจริง
ผลสะเทือนแห่งการเคลื่อนไหวที่เริ่มมาจาก “เยาวชนปลดแอก” ในเดือนกรกฎาคม เรื่อยมาจนเป็นการเคลื่อนไหวของ “คณะราษฎร 2563” ในเดือนตุลาคม
เป็นสิ่งที่แม้แต่ “รัฐบาล” ก็ต้องยอมรับ
ยอมรับในการขยับขับเคลื่อนผ่านการยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 โดยการเสนอของพรรคร่วมรัฐบาล
ทั้งๆ ที่ไม่เคยกระตือรือร้นมาก่อน
ยอมรับในการขยับขับเคลื่อนโดยการเสนอขอเปิดอภิปรายอย่างเป็นการทั่วไปโดยไม่มีการลงมติเพื่อหา “ทางออก” จากวิกฤตของประเทศ
และแสดงการผ่อนคลายในเรื่อง “รัฐธรรมนูญ” มากยิ่งขึ้น
แม้กระทั่งรัฐบาลเคยดำเนินการผิดพลาดโดยการประกาศและบังคับใช้สถานการณ์ฉุกเฉิน “ขั้นร้ายแรง” ในพื้นที่ กทม.ในที่สุดก็ต้องยกเลิก
อันเท่ากับเป็นการยอมรับผิดโดยตรง
ไม่ว่าใครที่เคยมองและประเมินการเคลื่อนไหวของเยาวชนว่าดำเนินไปเหมือนเป็น “ม็อบมุ้งมิ้ง” เหมือนเป็น “ม็อบฟันน้ำนม” เหมือนเป็น “ม็อบวูบวาบ”
เมื่อมองภาพการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
ก็จำเป็นต้องแสดงท่าทีเหมือนกับที่รัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงออกผ่านการปฏิบัติหลายต่อหลายครั้ง
นั่นก็คือ ยอมรับว่ามองผิด ประเมินพลาด
บรรดา “เกจิการเมือง” ที่เคยร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เคยร่วมมวลมหาประชาชน กปปส.จะเคยฟันธงว่าม็อบมีแต่ฝ่อลง ฝ่อลง
ไม่ได้รับการหนุนเสริมและเห็นด้วยจาก “สังคม”
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในวันที่ 14 ตุลาคม จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในวันที่ 21 ตุลาคม และล่าสุดจากสามย่านในวันที่ 26 ตุลาคม
ก็ต้อง “ตบปาก” ตัวเอง
ความเป็นจริงจากเดือนกรกฎาคมมายังเดือนตุลาคมได้พิสูจน์อย่างเด่นชัดแล้วว่า หนทางที่ “เยาวชน”
ก้าวเดินไปในท่ามกลางการเคลื่อนไหว
ถูกต้องและสอดรับกับสภาพการณ์
เพราะหากไม่ถูกต้อง เพราะหากไม่สอดรับกับสภาพการณ์อันเกิดขึ้นและดำรงอยู่ในสังคมประเทศไทยก็ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะเติบใหญ่
ทั้งยังเป็นการเติบใหญ่อันมีลักษณะพัฒนา