รัฐบาลตัดสินใจเดินหน้าเปิดประเทศเพื่อ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้นำคณะแพทย์ ทำความเข้าใจเชิงลึกถึงการเปิดประเทศ โดยจะดูแลให้คนไทยปลอดภัยและเศรษฐกิจไทยไปรอด โดยระบุว่า สธ.นำประสบการณ์และองค์ความรู้จากการรับมือโควิด ทำให้ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศปลอดภัยมากที่สุดประเทศหนึ่ง มาปรับเป็นมาตรการรับมือการทยอยเปิดประเทศ มีด่านเฝ้าระวัง ทีมสอบสวนโรค อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กว่า 1 ล้านคน มีห้องรองรับมากกว่า 8,000 ห้อง มีห้องตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อโควิด จัดเตรียมยาฟาวิพิราเวียร์กว่า 500,000 เม็ด ห้องแยกโรคและเตียงเพื่อรองรับการรักษา รวมถึงมีความร่วมมือจากประชาชน ภายใต้แนวคิด SMART LIVING WITH COVID-19
นายอนุทินกล่าวว่า ในด้านการรักษาพยาบาล ขณะนี้มีเตียงกว่า 20,000 เตียงทั่วประเทศ ในกรุงเทพมหานครรองรับได้ 230-400 ราย ทั่วประเทศ 1,000-1,740 ราย ขณะที่ยาและเวชภัณฑ์ ข้อมูลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม มียาฟาวิพิราเวียร์ 628,304 เม็ด สำหรับผู้ป่วย 8,900 ราย ยาเรมเดซิเวียร์ 795 ขวด สำหรับผู้ป่วย 126 ราย หน้ากาก N95 คงเหลือ 2,782,082 ชิ้น ชุดป้องกันส่วนบุคคลหรือ PPE คงเหลือ 1,959,980 ชิ้น มี 40 โรงงาน กำลังการผลิต 60,000 ชุดต่อวัน และหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ คงเหลือ 50,922,050 ชิ้น มี 60 โรงงาน กำลังการผลิต 4,700,000 ชิ้นต่อวัน ส่วนแพทย์ได้แถลงว่า การกักตัว 14 วัน เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ การท่องเที่ยว จึงจะลดวันกักตัวจาก 14 วันกับทุกประเทศ ถ้ามาจากประเทศที่เสี่ยงน้อยกว่าหรือมากกว่าเล็กน้อย จะลดวันกักตัว แต่ถ้ามาจากประเทศที่มีความเสี่ยงมากก็จะใช้ 14 วัน เช่นเดิม
ถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญของรัฐบาล หลังจากประสบความสำเร็จในการควบคุมเชื้อโรคมรณะ ลดตัวเลขการติดเชื้อและเสียชีวิตลงไปมาก และยังมีข่าวดีว่าการค้นคว้าวัคซีนคืบหน้าไปมาก การเปิดประเทศเป็นเรื่องจำเป็น และนับวันยิ่งเห็นว่าจำเป็น เพราะไทยมีเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาการบริโภคภายนอก และเชื่อว่าการทำความเข้าใจ เพื่อให้ประชาชนร่วมมือในการดูแลการติดเชื้อ ด้วยการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง ช่วยเฝ้าระวังอย่างมีสติ ไม่แตกตื่นง่ายๆ อาจทำให้ประเทศมีหนทางในการฟื้นเศรษฐกิจ ที่ถดถอยอย่างหนักในเวลานี้