รายงาน : เรียนรู้ และเข้าใจ วิถี เยาวชน ปลดแอก เนื้อแท้ เป็นจริง

ไม่ว่าจะมองจากทางด้านของ “เยาวชนปลดแอก” ไม่ว่าจะมองจากทางด้านของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะมีความต้องการ “ร่วม” ตรงกัน

นั่นก็คือ อยากให้ “เรื่อง” จบลง

เพราะหากเรื่องไม่จบลง หรือไม่สามารถจบลงภายในระยะเวลาอันสมควร แต่ละฝ่ายก็ย่อมจะต้อง สูญเสียและเปลือง “พลัง” เป็นอย่างมาก

การเลี้ยงระยะของ “ม็อบ” เป็นเรื่องน่าเหน็ดเหนื่อย

Advertisement

ขณะเดียวกัน รัฐบาลที่ต้องเผชิญประสบกับการชุมนุมอย่างต่อเนื่องและยาวนานและด้วยจำนวนมากเป็น “เรือนหมื่น”

ก็ไม่น่าจะเป็นความน่ายินดี

ไหนจะต้องจัดกำลังเอาไว้เตรียมรับมือขณะที่มีภารกิจด้านอื่นรัดตัวขณะที่รัฐบาลเองก็จำเป็นต้องบริหารราชการแผ่นดิน ยิ่งม็อบยืดเยื้อยิ่งสะท้อนถึงความสามารถในการจัดการ

สั่นสะเทือนถึง “เกียรติภูมิ” กระทบถึง “ความเชื่อมั่น”

หากนำเอากรณีของ “เยาวชนปลดแอก” ไปเปรียบเทียบกับกรณีของ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ไปเปรียบกับกรณีของ “กปปส.”

ก็นับเป็นเรื่องน่าหนักใจ

เพราะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก่อรูปขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ และที่สุดก็นำไปสู่รัฐประหารในเดือนกันยายน 2549

ก่อความเสียหายเอาไว้อย่างใหญ่หลวงในทางการเมือง

เพราะมวลมหาประชาชนก่อรูปขึ้นอย่างเป็นระบบในเดือนมกราคมและที่สุดก็ไปสู่รัฐประหารในเดือนพฤษภาคม 2557

ตราบจนบัดนี้ยังประเมินความเสียหายไม่ได้ครบถ้วน

หากยอมรับความเป็นจริงการปรากฏขึ้นของ “เยาวชนปลดแอก” ก็คือฝันร้ายและผลสะเทือนอันเนื่องจากรัฐประหารเมื่อปี 2549 และรัฐประหารเมื่อปี 2557

นี่ย่อมเป็น “วิบากกรรม” เนื่องแต่ “ทศวรรษ” แห่งความขัดแย้ง แตกแยก

กล่าวสำหรับรัฐบาลและโดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมีประสบการณ์จากรัฐประหารไม่ว่าเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่าเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

เมื่อเผชิญกับปรากฏการณ์ “เยาวชนปลดแอก”

ความจัดเจนย่อมสอนว่าไม่ควรปล่อยให้ปรากฏการณ์เช่นนี้ดำเนินไปอย่างยืดเยื้อและยาวนานเพราะจะส่งผลเสียในทางความคิด ในทางการเมืองอย่างลึกซึ้ง

รัฐบาลย่อมต้องการให้ “เรื่อง” จบโดยเร็ว

แต่หากนับจากที่มีการเผยแสดงในเดือนกรกฎาคม สิงหาคม กันยายน ตุลาคม กระทั่งมาถึงเดือนพฤศจิกายน
ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะจบ

ขณะที่กล่าวสำหรับ “ม็อบ” เองก็ไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยล้า อ่อนแรง

ตรงกันข้าม จุดเด่นเป็นอย่างมากก็คือ สามารถที่จะประกาศนัดหมายและดึงคนเข้าร่วมด้วยจำนวน “เรือนหมื่น” ได้อย่างรวดเร็ว

ที่เห็นว่า “แผ่ว” ก็เสมอเป็นเพียงการคิดเอาเองของ “รัฐบาล”

มีความจำเป็นที่ฝ่ายความมั่นคงของ “อำนาจรัฐ” จักต้องทำความเข้าใจต่อกระบวนการของ “เยาวชนปลดแอก” ด้วยสายตาอย่างใหม่

หากยังใช้ชุด “สงครามเย็น” อาจไม่เวิร์ก

หากยังใช้ชุดที่เคยใช้กับการเคลื่อนไหวเมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 หรือการเคลื่อนไหวเมื่อเดือนพฤษภาคม 2553 อาจเกิดความผิดพลาด

จำเป็นต้องใช้ “กระบวนทัศน์” ใหม่จึงจะเข้าใจ “นวัตกรรม” ใหม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image