บทนำวันจันทร์ที่23พฤศจิกายน2563 : น้ำผสมเคมี

การใช้แก๊สน้ำตาและสารเคมีผสมน้ำฉีดใส่ผู้ชุมนุม ซึ่งตำรวจระบุว่าเป็นการทำตามขั้นตอนกฎหมายและไม่มีอันตราย มีเสียงโต้แย้งจากแวดวงวิชาการว่าก่อให้เกิดอันตรายกับผู้ที่ถูกฉีดด้วยน้ำดังกล่าว และไม่มีความจำเป็นที่จะใช้แต่อย่างใด รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เผยผลการตรวจสอบตัวอย่างน้ำที่ใช้ฉีดใส่ผู้ชุมนุมว่า พบสารเคมี 5 ตัว โดยระบุว่า สีม่วงคือ Methylviolet 2b (เมทิลไวโอเลททูบี) เป็นสีม่วงธรรมดาไม่มีพิษภัย แต่เจอสารสำคัญ 5 ตัว ในสารละลายสีม่วง ได้แก่ (1) Dimethyl sulfoxide, DMSO (ไดเมททิล ซัลฟอกไซด์) ใช้เป็นตัวทำละลายและใช้เป็นสารทำความสะอาดส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองถ้าได้รับในปริมาณมาก

(2) 2-Chlorobenzaldehyde ข้อควรระวังคือทำให้ผิวหนังไหม้อย่างรุนแรงและทำลายดวงตา (3) 2-Chlorobenzyl alcohol มีลักษณะเป็นผงสีขาว โดยสารตัวนี้ก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ทั้งต่อดวงตา ผิวหนัง แม้แต่การสูดดมเข้าไป (4) 2-chlorobenzalmalononitrile หรือ o-Chlorobenzalmalononitrile (CS gas) 2-chlorobenzalmalononitrile หรือ o-Chlorobenzalmalononitrile ทางทหารเรียกสั้นๆ ว่า CS จัดเป็นอาวุธเคมีที่ใช้คุมฝูงชน ไม่ทำให้ถึงตาย และ (5) o-Chlorobenzalmalononitrile เป็นสารก่อการระเคืองที่อยู่ใน CS gas เหมือนกัน เป็นอนุพันธ์ของสารหมายเลข (4) รศ.ดร.วีรชัยระบุว่า สารหมายเลข 1 เป็นตัวทำละลายเพื่อทำให้สารอีก 4 ตัวละลายรวมเป็นเนื้อเดียวกันเป็นหัวเชื้อ ส่วนสารหมายเลข 2, 3, 4, 5 เป็นกลุ่มแก๊สน้ำตาซึ่งใส่ตัวเดียวก็เกินพอ แต่พบว่าใส่ไปทั้งหมด 4 ตัว

การชุมนุมของกลุ่มเยาวชน นักศึกษา ประชาชน ซึ่งรัฐบาลเพิ่งออกแถลงการณ์ว่า การดำเนินการของรัฐบาลที่ผ่านมาไม่เป็นผล สถานการณ์รุนแรงมากขึ้น จะต้องใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นมากขึ้น ทำให้คาดหมายว่า รัฐบาลอาจสั่งใช้มาตรการควบคุมการชุมนุมที่รุนแรงมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เห็นได้ชัดว่าผู้ชุมนุมไม่มีอาวุธ และเคลื่อนไหวมือเปล่ามาตลอด และเจ้าหน้าที่เองก็ได้ใช้มาตรการรุนแรงมาตลอด รวมถึงการใช้น้ำผสมสารเคมีฉีดใส่ในครั้งล่าสุด และยังไม่รู้ว่าในครั้งต่อไปจะเพิ่มสารเคมีอันตรายมากขึ้นหรือไม่ สถานการณ์มาถึงจุดที่รัฐบาลในฐานะฝ่ายบริหารต้องหาทางจัดการเจรจาพูดคุย รับฟัง และหาทางออกด้วยความจริงใจ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image