หากยึดกุม “เนื้อหา” ของหนังสือ “ลับมาก” อันลงนามโดย พล.อ.ณัฐพล นาควานิช เลขาธิการสภาความมั่นคงเป็นบรรทัดฐาน
การเคลื่อนไหวน่าจะยาวไปถึงเดือนธันวาคม
ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของมวลชนปกปัก จงรักภักดีต่อสถาบัน อันกระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆของส่วนภูมิภาคในกำกับของ 2 หน่วยงานสำคัญ 1 กอ.รมน. 1 มหาดไทย
เพราะอย่างน้อยที่สุดหากถือเอาการเคลื่อนไหว “เดินสาย” ของ 2 นักเคลื่อนไหวผู้มีบทบาทสำคัญเป้าหมาย
อยู่ที่ห้วงเวลา “ธันวาคม”
ยิ่งกว่านั้น จุดเน้นหนึ่งยังเป็นการติดตาม “ทูตนอกแถว”
จึงเด่นชัดยิ่งว่า การร้อยเชื่อมหนังสือ “ลับมาก” ยังพุ่งเป้าไปยังบทบาทและความหมายของ “เยาวชน ปลดแอก” ไม่ว่าในด้านเผชิญหน้า ไม่ว่าในด้านขยายกำลัง
จึงเด่นชัดยิ่งว่า ทุกอย่างดำเนินไปในแบบ “ยืดเยื้อ”
กล่าวสำหรับบทบาทของ “เยาวชนปลดแอก” แม้เครือข่ายภายในโครงสร้างแห่งปฏิบัติการไอโอทางด้านข่าวสารจะยังยึดกุมแนวทาง
1 ด้อยค่า 1 ลดทอนบทบาท
แนวทางนี้ดำเนินการตั้งแต่เดือนกันยายนมาแล้ว สัมผัสได้จากการเน้นอย่างหนักแน่นให้เห็นและเข้าใจถึงความอ่อนแรงลงเป็นลำดับ
ภายใต้คำว่า “แผ่ว” ภายใต้คำว่า “ฝ่อ”
นี่ย่อมเป็นทิศทางหลักที่ปักธงมาจากรายงานที่สภาความมั่นคงแห่งชาติประมวลสรุปและเสนอต่อที่ประชุม ครม.
ไม่ว่าก่อนตัดสินใจเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม
ไม่ว่าก่อนตัดสินใจเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ณ บริเวณรัฐสภา ที่หวังจะยกระดับการปราบปรามและสร้างความหวาดกลัวให้กับการชุมนุม
แต่คำถามที่ตามมาก็คือ แผ่วลง ฝ่อลงจริงละหรือ
คำยืนยันในเรื่องนี้ไม่เพียงแต่จะเห็นได้เมื่อเคลื่อนจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมายังทำเนียบรัฐบาล หากแต่เมื่อเคลื่อนจากสามย่านไปสถานทูตเยอรมนีก็จะเด่นชัด
เด่นชัดว่า “สวน” ทางกับบทสรุปของ “สภาความมั่นคงแห่งชาติ”
จากนี้จึงพอจะประเมินได้โดยพื้นฐานว่า ไม่ว่าจะมองจากด้านของ “เยาวชนปลดแอก” ไม่ว่าจะมองจากทางด้านของ “รัฐบาล”
อยู่ที่ว่าฝ่ายใดจะ “อดทน” ได้มากกว่า
ทั้งความอดทนในที่นี้จะต้องอยู่บนพื้นฐานแห่งความอดทนที่จะไม่ใช้ความรุนแรง เพราะหากฝ่ายใดงัดเอาความรุนแรงมาใช้นั่นหมายถึงโอกาสที่จะเพลี่ยงพล้ำ
คำถามก็คือตอนนี้ใครมี “ความรุนแรง” มากกว่า
เพราะว่าทางฝ่ายของรัฐบาลก็กล่าวว่า เยาวชนเสนอข้อเรียกร้องที่จาบจ้วงล่วงเกิน ใช้คำหยาบและขาดความเคารพต่อ “ผู้ใหญ่”
ขณะเดียวกัน ฝ่ายของเยาวชนก็มองต่างมุม
เพราะว่าความรุนแรงที่ฝ่ายของเยาวชนประสบ คือ การคุกคามทำร้าย การฉีดน้ำผสมสารเคมี จาก 1 เป็น 3 การขว้างแก๊สน้ำตา การตระเตรียมกระสุนยาง
คำตอบสุดท้ายอยู่ที่บทสรุปจาก “สังคม”
ความคิดที่ว่าในที่สุดม็อบของเยาวชนจะฝ่อลง แผ่วลง หมดบทบาทไปในที่สุด ความคิดที่ว่าในที่สุดข้อเสนอ 3 ข้อรัฐบาลจะตอบรับ สงบศึก
ล้วนเป็นความคิดในแบบ “เพ้อฝัน”
ไม่ว่าการเสนอในเรื่องคณะกรรมการ “สมานฉันท์” ล้วนไม่มีความหมายไม่ว่าการเดินหน้าในเรื่อง “รัฐธรรมนูญ” ล้วนเป็นเรื่องต้องใช้เวลา
การเผชิญ ประสบทางการเมืองจึงยังคงอยู่ในขั้น “ยัน” ไปอีกยาว