09.00 INDEX บทบาท เพื่อไทย ฐานะพรรคนำ ​​​บทบาท อภิปราย ‘ไม่ไว้วางใจ’

หากมองในเชิงปริมาณ พรรคฝ่ายค้านร่วมซึ่งมี 212 ส.ส.อยู่ในมือ ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะต่อกรกับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งกวาด ส.ส.จาก 20 พรรคการเมืองเข้ามาได้มากถึง 277

​ด้วยปริมาณอันแตกต่างกันเช่นนี้ ยุทธศาสตร์ของพรรคฝ่ายค้านร่วมจึงต้องมีความแจ่มชัดว่าจะ “วางแผน” อย่างไร

​ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจครั้งแรกในการเปิดประชุมสภาสมัยก่อนมีความเด่นชัดอย่างยิ่งว่ามีความผิดพลาด ทั้งในทางยุทธศาสตร์และยุทธวิธี

​ความผิดพลาดนั้นมาจากไหน ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ย่อมมีบทสรุป เพราะเป็นความผิดพลาดอันสะท้อนรูปธรรมออกมาอย่างเด่นชัด

Advertisement

​เด่นชัดว่าสร้างเงื่อนไขทำให้ไม่สามารถอภิปรายแตะไปยัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เงื่อนไขนี้ออกมาจากพรรคการเมืองใดรับรู้กันทั่วทั้งสภา

​ตรงนี้ต่างหากจะต้องเป็น “บทเรียน” อย่างสำคัญต่อพรรคร่วมฝ่ายค้านว่าจะต้องวางระบบในการบริหารจัดการอย่างไร


แม้ว่าประธานวิปพรรคร่วมฝ่ายค้าน
จะยังเป็นคนเดิมคือ นายสุทิน คลังแสง จากพรรคเพื่อไทย กระนั้น ก็น่ายินดีที่เลขาธิการพรรคเพื่อไทยเป็น นายประเสริฐ จันทรรวงทอง

​ที่สำคัญเบื้องหลัง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ยังมีคณะทำงานที่มากด้วยความจัดเจนทางการเมือง

​ไม่ว่าจะเป็น นายภูมิธรรม เวชยชัย ไม่ว่าจะเป็น นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ไม่ว่าจะเป็น นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือบุคคลอื่นๆ

​สายตาที่ทอดมองไปยังพรรคเพื่อไทยอันเป็นแม่ทัพของฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะมาจากพรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนไทย จึงเปี่ยมด้วยความหวัง

​อย่างน้อยก็จะต้องมีการปรับ”ยุทธวิธี”อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น

​ประสิทธิภาพในที่นี้หมายถึงการให้ความเคารพ การให้ความเชื่อมั่นต่อพรรคร่วมฝ่ายค้านมากยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา


บทบาทของพรรคนำ
มิได้หมายความว่าจะเล่นบท “กินรวบ” วางอำนาจบาตรใหญ่ด้วยจำนวน ส.ส.ที่มีมากกว่า หากแต่จะต้องเป็นไปในแบบ “กินแบ่ง” นำเอาพลังจากพรรคอื่นเข้ามาเสริมประสาน

​จำเป็นต้องวางเค้าโครงและกำหนด “ยุทธวิธี” การอภิปรายให้เป็นเหมือนกับการจัดทัพเพื่อทะลวงไปยังป้อมค่ายของข้าศึก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image