รายงานหน้า2 : เอกชนสะท้อนผลกระทบ โควิดระบาดรอบใหม่

หมายเหตุความเห็นภาคเอกชนต่อผลกระทบของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 รอบใหม่ใน จ.สมุทรสาคร และกระจายไปหลายจังหวัดทั่วประเทศ

เกรียงไกร เธียรนุกุล
รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

จํานวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น เริ่มที่จังหวัดสมุทรสาคร ลุกลามไปยังหลายพื้นที่หลายจังหวัดกว่า 20 จังหวัดแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะยังมียอดผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง ส่งผลทางจิตวิทยาต่อแผนการท่องเที่ยวและใช้จ่ายในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และความไม่ชัดเจนมีมากขึ้น ทั้งส่วนที่จองห้องพักแล้ว บางส่วนอาจเดินหน้ายังเดินทาง บางส่วนที่กำลังตัดสินใจก็อาจหลบการเที่ยวพื้นที่เสี่ยง หันไปเที่ยวตามเกาะมากขึ้น
ขณะที่บางส่วนงดเดินทางและฉลองกันภายในครอบครัวหรือสังสรรค์วงเล็กๆ เฉพาะคนสนิท แต่อย่างไรก็ตาม ทุกคนอย่าการ์ดตก ในเรื่องการป้องกัน ทั้งสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ
โดยภาพรวมบรรยากาศก็จะกลับไปเหมือนการเกิดระบาดของโควิด-19 รอบแรก ปีใหม่นี้บรรยากาศคงไม่คึกคัก ถึงขั้นซบเซาได้
ส่วนตัวผมเห็นว่า การระบาดของโควิดที่กำลังเกิดขึ้นในไทยครั้งนี้ ถือว่าเป็นการระบาดรอบ 2 เต็มตัว แต่จะนานแค่ไหน ขึ้นกับรัฐสามารถควบคุมจำนวนการแพร่ให้อยู่ในวงจำกัด และที่เกิดแล้วก็ควบคุมเต็มที่ ไม่ให้เกิดการลักลอบของแรงงานต่างด้าวที่มีการหลบหนีเองของคนแรงงานต่างด้าวหรือนายจ้างขนคนออกนอกพื้นที่
ส่วนมาตรการที่จะใช้ดูแลสกัดการแพร่ระบาด เห็นด้วยที่จะใช้การล็อกดาวน์หรือเคอร์ฟิวเฉพาะพื้นที่ที่มีการระบาดสูง ไม่ควรใช้มาตรการล็อกดาวน์หรือเคอร์ฟิวทั้งประเทศ เพราะจะยิ่งสร้างความตื่นตระหนก และเสียหายต่อธุรกิจและระบบเศรษฐกิจหนักเหมือนกับที่เกิดขึ้นแล้วในการระบาดรอบแรก
ทั้งนี้ รัฐต้องควบคุมและสกัดไม่ให้เชื้อแพร่ระบาดให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ และไม่ให้เกิดการระบาดในอัตราสูงหรือไม่มีรายใหม่ภายในกลางเดือนมกราคม 2564 เพราะหากยืดเยื้อถึงขั้นล็อกดาวน์หรือเคอร์ฟิวในหลายพื้นที่พร้อมกันจะกระทบต่อธุรกิจ อุตสาหกรรม การค้า การบริการ และเศรษฐกิจ
ตอนนี้ไม่อาจประเมินได้ว่าเศรษฐกิจไทยจะเสียหายแค่ไหน แต่หากดูจากความเสียหายเฉพาะพื้นที่สมุทรสาครรวมกันก็ประมาณวันละ 2,000 ล้านบาท ล็อกดาวน์ 14 วัน ความเสียหายประเมินกันแล้วก็ไม่น้อยกว่า 5-6 หมื่นล้านบาท
หากรวมกับจังหวัดอื่นๆ ที่มีมากแล้วกว่า 20 จังหวัด ที่สำคัญเจอผู้ติดเชื้อสูงในจังหวัดที่มีแรงงานต่างด้าวสูงทั้งนั้น เช่น กทม. ตัวเลขทางการก็ถึง 7 แสนคน สมุทรสาคร กว่า 2 แสนคน สมุทรปราการ ราชบุรี แต่ละจังหวัดก็เกือบ 2 แสนคน หากจังหวัดเหล่านั้นมีการล็อกดาวน์หรือเคอร์ฟิวในวงกว้าง และการแพร่ระบาดยืดเยื้อเป็นเดือนถึงปลายเดือนมกราคม เชื่อว่าระบบเศรษฐกิจจะเสียหายเป็นแสนๆ ล้านบาท
สิ่งที่ต้องกังวลจากนี้ คือ เดิมนั้นมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ ผ่านโครงการคนละครึ่ง โครงการช้อป ดีมีคืน โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เป็นต้น ได้ช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย และเงินกระจายไปถึงร้านค้าและฐานราก ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา อาจต้องสะดุดลง เพราะคนกังวลออกจากบ้าน แผงขายสินค้าลดลง เงินที่เคยกระจายลงร้านค้าย่อยหายไปบางส่วน คนทำงานบ้านมากขึ้น ธุรกิจออนไลน์ขายของออนไลน์ก็จะกลับมาสูงขึ้นแทนการขายออกนอกบ้าน แผงลอยจะเสียหายอีก
รวมถึงกลุ่มเอสเอ็มอี ที่เดิมนั้นยังเจอปัญหาขาดสภาพคล่องและเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน จะยิ่งหนักขึ้น หากถามว่าจะมีการเลิกจ้างอีกครั้งไหม ก็ถือว่าเป็นภาวะเสี่ยงอีกครั้ง หากการแพร่ระบาดยังมากต่อเนื่อง และไม่อาจคุมได้ภายในระยะสั้น 15-20 วันจากนี้
ที่เคยต้องพยุงแรงงาน ก็อาจต้องทบทวนเรื่องแรงงานอีกครั้ง จะกระทบต่อการส่งออก เพราะตอนนี้ส่งออกติดปัญหาเรื่องแรงงาน ในหลายประเทศทั้งสหรัฐ ยุโรป ติดโควิดมาก ท่าเรือ ขนส่ง ชะงักก็จะขาดแรงงาน และตู้สินค้าและเรือส่งสินค้ายังกลับมาไทยไม่ได้มาก ส่งออกจะลำบากขึ้น และส่งผลต่อถึงการผลิตและจำหน่าย

 

Advertisement

นิพนธ์ สุวรรณนาวา
ประธานกิตติมศักดิ์ สภาหอการค้า และสภาอุตสาหกรรม เจ้าของโรงแรมหาดทอง จ.ประจวบคีรีขันธ์

มั่นใจว่าในระยะสั้นหน่วยงานรัฐสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ จ.สมุทรสาครได้ หลังจากผู้บริหารของจังหวัดตัดสินใจประกาศล็อกดาวน์ แต่ปัญหาที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่พบผู้แพร่เชื้อช้าเกินไป ทำให้มีอัตราการกระจายของโรคค่อนข้างสูง ทำให้มีปัญหากระทบกับภาวะเศรษฐกิจการท่องเที่ยวใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อ
ล่าสุดลูกค้าได้แจ้งยกเลิกการจองห้องพักบางส่วนทั้ง อ.หัวหิน และ อ.เมือง หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นก็คงจะแจ้งยกเลิกเพิ่มขึ้นจากความหวั่นวิตก
ทั้งที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่คาดหวังว่าช่วงปีใหม่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นบ้าง ขณะเดียวกันจังหวัดได้สั่งยุติการนำเข้าส่งออกสินค้าจาก จ.มะริด ที่จุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร ทำให้กระทบกับการค้าและการลงทุนในระยะยาว
แนวทางการแก้ไขปัญหาผู้ว่าราชการจังหวัดต้องใช้มาตรการเข้มงวด ต้องใช้ยาแรง แม้ว่าข้อกำหนดในการเฝ้าระวังจะมีผลกระทบกับการประกอบอาชีพหรือความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันจะไม่เป็นปกติ เพราะเชื่อว่าสถานการณ์โรคติดต่ออาจยืดเยื้อ
นอกจากนั้นจังหวัดควรแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารด้วยความรวดเร็ว เพื่อให้ประชาชนรู้เท่ากันป้องกันเฟคนิวส์ในโซเชียลมีเดีย ส่วนผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจภาคบริการก็ต้องยอมรับในการปฏิบัติตามที่มีการประกาศข้อกำหนด ยอมรับกับรายได้ที่ลดลงและมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการป้องกันโรค เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย ดีกว่าการ์ดตกแล้วมีความเสียหายซ้ำซ้อน ส่วนการล็อกดาวน์ หากจังหวัดพิจารณาว่าจะมีความเสี่ยงก็ควรทำเฉพาะจุดไม่ควรสั่งล็อกดาวน์ทั้งจังหวัด
สำหรับปัญหาแรงงานเถื่อนในภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแลการแปรรูปทางการเกษตรในจังหวัด ควรใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดตามที่รัฐบาลสั่งการ
หน่วยงานรัฐอย่าเกรงใจหรือเลือกปฏิบัติเพื่อทำให้มีปัญหาเพิ่ม ต้องนำแรงงานเถื่อนใต้ดินเข้ามาในระบบเพื่อตรวจคัดกรอง และในอนาคตทุกจังหวัดต้องไม่มีแรงงานเถื่อนที่อาจนำเชื้อเข้ามา ที่สำคัญถ้าหากเจ้าหน้ารัฐบางหน่วยไม่ร่วมมือกินสินบนหัวละ 5,000-10,000 บาท แรงงานเถื่อนไม่สามารถเข้าประเทศได้
ส่วนข้อเสนอของสหพันธ์แรงงานเมียนมาในไทยจะบังคับให้รับแรงงานเข้ามาอีก 6 หมื่นคนรัฐบาลก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อประเมินผลดีผลเสีย แม้ว่าปัญหาจากการขาดแคลนแรงงานในภาคการผลิต จะกระทบกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศโดยตรง

 

Advertisement

พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์
นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่

ธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่ ได้รับผลกระทบหนักกว่าเดิมเพราะเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวใกล้เทศกาลปีใหม่ หรือเคาต์ท์ดาวน์แล้ว ทำให้นักท่องเที่ยวบางส่วนยกเลิกเดินทาง หรือจองห้องพัก เนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัย แม้จังหวัดประกาศไม่มีการกักตัวผู้เดินทาง 14 วัน ก็ตามแต่ได้ปิดพื้นที่ห้ามเดินทางเข้า-ออก หรือล็อกดาวน์ เพียง อ.แม่อาย ประกอบด้วย 3 ตำบล คือ ต.แม่อาย ต.มะลิกา ต.ท่าตอน เท่านั้น
เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อเป็นหญิงเพียง 1 ราย จำเป็นต้องเฝ้าระวัง และคัดกรองคนในครอบครัว ผู้ใกล้ชิด และสถานที่ที่เดินทางไป เพื่อป้องกันแพร่ระบาดซ้ำอีก
มาตรการเฝ้าระวังและคัดกรองของจังหวัด ถือว่าได้ผลประสบความสำเร็จพอสมควร ทุกฝ่ายได้บูรณาการป้องกันแพร่ระบาดอย่างเต็มที่ เพื่อให้ส่งผลกระทบต่อท่องเที่ยวน้อยที่สุด
ส่วนการจัดงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หรือเคาต์ดาวน์ และฟื้นงานกิจกรรมถนนคนเดินวันศุกร์ ถนนช้างคลาน ย่านไนท์บาซาร์ ว่าจัดงานหรือยกเลิกนั้น ต้องรอดูสถานการณ์โควิด 2-3 วัน ก่อนประกาศเป็นทางการอีกครั้ง เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่นิ่ง
แต่ไม่เห็นด้วยหากประกาศล็อกดาวน์ทั้งจังหวัด เพราะเชียงใหม่อยู่ห่างจากสมุทรสาครมาก ไม่เหมือนกรุงเทพฯ ที่ยกเลิกงานเคาต์ดาวน์ เนื่องจากมีพื้นที่ติดกับจังหวัดดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม อยากให้รัฐบาลควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเข้มงวด ไม่ปล่อยให้เคลื่อนย้ายง่าย จนไม่สามารถควบคุมโควิดได้ พร้อมฟื้นฟูภาพลักษณ์ประเทศและสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ ถ้าไม่สามารถทำได้ต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเท่านั้น เพราะไม่เหลือโอกาสรอดทางอื่นแล้ว

 

อำไพ หาญไกรวิไลย์
ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร

จากการที่จังหวัดสมุทรสาครได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และการประกาศปิดพื้นที่บางส่วน รวมถึงมาตรการต่างๆ ที่ประกาศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2563-วันที่ 3 มกราคม 2564 นั้น ทางหอการค้าจังหวัดสมุทรสาครได้ทำการรวบรวมความเสียหายจากภาครัฐและเอกชน ซึ่งหลังจากได้มีการประเมินตัวเลขแล้ว หอการค้าจังหวัดสมุทรสาครประเมินความเสียหายจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมประมาณ 16,000 ล้านบาท โดยมีภาคธุรกิจ สินค้า และการบริการ เสียหาย 4,200 ล้านบาท, ภาคธุรกิจและประมงต่อเนื่อง เสียหาย 6,000 ล้านบาท, ภาคธุรกิจตลาดชุมชน เสียหาย 4,7000 ล้านบาท, ภาคการเกษตร 400 ล้านบาท, ภาคโอท็อป วิสาหกิจชุมชน เสียหาย 50 ล้านบาท, ห้างสรรพสินค้า เสียหาย 100 ล้านบาท อื่นๆ มูลค่าความเสียหาย 500 ล้านบาท
ซึ่งจากสถานการณ์โควิด-19 ในครั้งนี้ หอการค้าจังหวัดสมุทรสาครประเมินความรุนแรงด้านเศรษฐกิจของจังหวัดสมุทรสาครมากกว่าครั้งที่ผ่านมา จึงขอความเห็นใจไปยังประชาชนคนไทยทั้งประเทศ โปรดให้กำลังใจประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสาคร ให้ต่อสู้และผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ด้วยดี โดยขอให้ประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสาครเชื่อมั่นในมาตรการของจังหวัดที่ออกมา โดยถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และขอให้ผู้ประกอบการและประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสาครปรับตัวและร่วมกันฝ่าฟันเหตุการณ์ครั้งนี้ไปด้วยกัน

 

ตวงคุณ ทรงธรรมวัฒน์
ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสงคราม

การท่องเที่ยวในสมุทรสงครามกระทบทันที หลังที่มีข่าวการแพร่ระบาดที่จังหวัดสมุทรสาคร ไม่ว่าจะเป็นงานสัมมนา, กิจกรรมต่างๆ ในจังหวัด รวมถึงที่พักโฮมสเตย์และโรงแรม ได้รับการยกเลิก หรือเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด ถือว่าเป็นการซ้ำเติมอย่างหนัก เมื่อเทียบกับการรับมือกับภาวะโควิค-19 ระบาดรอบแรกเมื่อต้นปี 2563 เป็นเหมือนกับการซ้อม
แต่ครั้งนี้การระบาดรอบ 2 มีความรุนแรงมากกว่า แต่ยังเชื่อมั่นว่าผู้ประกอบการเเละประชาชนในจังหวัดสามารถรับมือได้ หากปฏิบัติตามขั้นตอนที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หนักใจมากที่สุดคือภาวะเศรษฐกิจ ที่การระบาดในระลอกแรกยังไม่สามารถที่จะฟื้นตัวได้อย่างเข้มแข็ง แต่ต้องมาเจอการระบาดระลอก 2 ปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีคำสั่งหยุดชั่วคราวในสถานประกอบการบางประเภทเพื่อลดอัตราการแพร่กระจายของเชื้อ ซึ่งในอนาคตไม่ว่ามาตรการต่างๆ ที่จะออกมา
ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีผลกระทบกับภาวะเศรษฐกิจในจังหวัดอย่างเเน่นอน จึงถือเป็นความบอบช้ำภาคเอกชน และประชาชนในทุกระดับ
จึงขอฝากกับรัฐบาล หน่วยงานราชการในท้องถิ่นเรื่องการช่วยเหลือ ผู้ประกอบการด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนผันกฎข้อบังคับต่างๆ การเก็บภาษีที่ดินเเละสิ่งโรงเรือน ดอกเบี้ยเจ้าหนี้สถาบันการเงิน การลดภาษีค่าธรรมเนียมจดจำนองกู้ โอนทรัพย์สินต่างๆ หรือมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ขอให้มีประสิทธิภาพกว่าเดิมที่เคยทำ
สุดท้ายอยากจะให้กำลังใจผู้ว่าราชการจังหวัด ทีมงานศูนย์โควิค ผู้ประกอบการและประชาชน ในจังหวัดสมุทรสงคราม
การระบาดครั้งนี้เป็นสิ่งที่พวกเราจะต้องร่วมกันฝ่าฟันขอเป็นกำลังใจ ให้ฝ่าฟันอุปสรรคครั้งนี้ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image