‘เพื่อไทย’ดิสรัปต์พรรค ระดมรุ่นใหม่ผนึกเก่า ร่วมเปลี่ยนแปลงแก้วิกฤต

‘เพื่อไทย’ดิสรัปต์พรรค ระดมรุ่นใหม่ผนึกเก่า ร่วมเปลี่ยนแปลงแก้วิกฤต

หมายเหตุพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดโครงการ “The Change Maker” มีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่ปรึกษาโครงการ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ที่ปรึกษาโครงการ และนายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ ผู้อำนวยการทีมคิดเพื่อไทย ร่วมกล่าวถึงโครงการดังกล่าวเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงนำไปสู่การแก้วิกฤตประเทศ

ประเสริฐ จันทรรวงทอง
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.)

Advertisement

โครงการนี้เป็นการเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่ และเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของพรรค พท. รัฐธรรมนูญบีบคั้นพรรค พท.ให้เป็นฝ่ายค้านในสภา แต่พรรค พท.ก็ไม่เคยละทิ้งจุดยืนในการดูแลพี่น้องประชาชน วันนี้ พรรค พท.เราได้เปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ โดยคณะกรรมการชุดนี้เราได้รวบรวมคนรุ่นเก่า และใหม่เข้ามาทำงานร่วมกัน

โครงการ The Change Maker เป็นอีกก้าวหนึ่งที่พรรค พท.จะดิสรัปต์ตัวเอง เชื่อว่าโครงการนี้จะได้บุคคลและนโยบายใหม่ๆ มาพัฒนาประเทศ เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนดีขึ้น

พรรค พท.ยืนยันว่าความเป็นสถาบันการเมืองของพรรคยังคงแข็งแกร่ง และยังคงยึดมั่นในจุดยืนเดิมที่เป็นสมองของประเทศ ด้วยบุคลากรทั้ง ส.ส.ทั่วประเทศ และผู้มากประสบการณ์ ที่จะร่วมกันนำพาประเทศไทยออกจากวิกฤตและพัฒนาไปมากกว่าที่เป็นอยู่ได้

Advertisement

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
ที่ปรึกษาโครงการ The Change Maker
(กล่าวในหัวข้อ “วิกฤตของประเทศไทย และความจำเป็นในการหาทางออก”)

คําถามใหญ่คือทำไมต้องเปลี่ยน ตั้งแต่เกิดมา 64 ปี ครั้งนี้เวลานี้เป็นครั้งที่ต้องยอมรับว่ามองไม่เห็นทางออกทั้งสำหรับตัวเอง ครอบครัวและประเทศชาติ เท่าที่จำความได้จนถึงปัจจุบันไม่เคยเห็นอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าไม่เห็นอนาคตและไม่รู้ว่าจัดการอย่างไร ทุกครั้งที่เจอวิกฤตรู้สึกว่าสักวันหนึ่งมันจะหยุดและถ้าทำอย่างนี้มันจะดีขึ้น แต่วิกฤตครั้งนี้เอาทุกวิกฤตที่เคยเจอในอดีตมาร่วมกันครั้งนี้ คือ มหาวิกฤต ครั้งที่ใหญ่ที่สุดของประวัติศาสตร์

ที่เรียกว่ามหาวิกฤตเพราะในอดีตเราเจอแค่เพียง 1 หรือ 2 วิกฤต แต่ในครั้งนี้เราเจอถึง 5 วิกฤตด้วยกัน คือ 1.วิกฤตการเมือง ทุกครั้งในอดีต เรารู้ว่าเมื่อเกิดอย่างนี้จะมีรัฐประหารและทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมประเทศชาติเดินต่อไปได้ มันยังพอมีช่องทางออกได้บ้างทำให้ประชาชนรู้ว่าจะฝากความหวังได้อย่างไร แต่การเมืองที่อยู่อย่างนี้มา 7 ปีเต็มๆ ทำให้เหมือนเราย้อนไปยุครัฐบาลของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ รัฐธรรมนูญฉบับครึ่งใบ แต่เราก็ยังรู้สึกว่าประเทศชาติไม่ได้หนักหนาขนาดนี้ เพราะผู้นำในการบริหารประเทศยังพอมีความสามารถ ยังฟังคนอื่นบ้างคิดเป็นระบบบ้าง การเมืองวันนี้เป็นการเมืองที่ไม่สามารถทำให้คนไทยมีความหวังได้เลย

2.ปัญหาเศรษฐกิจ ครั้งนี้เป็นวิกฤตที่แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา อย่างเมื่อปี 2540 เป็นการสิ้นสลายของสถาบันการเงินเป็นการพังพินาศของส่วนบนพีระมิดเศรษฐกิจไทย แต่ครั้งนี้เป็นการพังพินาศทั้งระบบ วันนี้เราเห็นเงินคงคลังร่อยหรอมากขึ้นเรื่อยๆ หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเกือบชนเพดาน กิจการต่างๆ ปิด แม้หลายกิจการมีประวัติยาวนานเป็น 100 ปีในวันนี้ก็ต้องปิดกิจการลง ไม่มีการลงทุนใหม่ นี่คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของไทย

3.ด้านสังคม เราสามารถเห็นความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้มากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้ประเทศไทยไม่พร้อมที่จะเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะเรารู้ว่าผลการเปรียบเทียบออกมาแล้วเราจะสู้ไม่ได้

4.วิกฤตโรคระบาดเป็นวิกฤตทั้งโลก แต่วิกฤตนี้นำพามาซึ่งความเสื่อมสลายของเศรษฐกิจและการเมืองไทยในช่วงเวลาสั้นๆ และไม่รู้จะจบเมื่อไร เมื่อปี 1918 ประมาณ 103 ปีที่แล้ว ไข้หวัดสเปนระบาดอยู่ประมาณ 2 ปี แต่ปีนี้ไม่มีใครบอกได้ว่าโควิด-19 จะระบาดถึงเมื่อไร วัคซีนจะช่วยได้แค่ไหนและการควบคุมต่างๆ จะเป็นอย่างไร

การแพร่ระบาดครั้งนี้กระทบกว่าสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 เพราะสงครามโลกยังมีผลแค่เพียงประเทศที่เข้าร่วมสงคราม แต่วันนี้ยังมีคนหลายพันล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หากโรคระบาดยังอยู่ต่อเนื่อง คำถามคือโลกและประเทศไทยจะอยู่อย่างไร

5.วิกฤตเรื่องของเทคโนโลยี วันนี้มีการพูดถึงเรื่องบล็อกเชน และเทคโนโลยีอื่นๆ ตั้งคำถามว่า คนที่รับผิดชอบวันนี้ได้ตระหนักถึงเรื่องเหล่านี้หรือไม่ เราเห็นว่าแค่ประเด็นเกี่ยวกับการรับมือของโควิด-19 ก็ยังรับมือกันแบบวันนี้คิดอย่าง พรุ่งนี้คิดอย่าง

ผมไม่รู้สึกว่าความหวังอยู่ตรงไหน ถ้าปล่อยให้คนกลุ่มเดิมบริหารต่อไป ผมคิดว่าวันนี้ถึงเวลาแล้วที่จะสร้างกระบวนการรูปแบบที่เราจะร่วมกันคิด ร่วมกันทำและสร้างความเปลี่ยนแปลง การตัดสินใจในแง่ของการร่วมคิดร่วมทำร่วมเปลี่ยนแปลง หวังว่าเป็นจุดหนึ่งของการก้าวต่อไปของประเทศไทย

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช
ที่ปรึกษาโครงการ The Change Maker
(กล่าวในหัวข้อ “เหตุผลในการริเริ่มโครงการ The Change Maker”)

สาเหตุของการที่ต้องดิสรัปต์เพราะปัญหาของประเทศใหญ่ อะไรที่เป็นความหวัง เราระดมเอาความร่วมไม้ร่วมมือเข้ามา บทบาทที่ผ่านมาเราเป็นฝ่ายบริหาร แต่เราถูกขัดขวางมาตลอด เราถูกยุบพรรคถึง 2 ครั้ง และถูกทำรัฐประหาร ทำให้กลุ่มคนที่เป็นหน่อเนื้อตั้งแต่พรรคไทยรักไทยมาต้องหยุด จำกัดให้บทบาทของเราเป็นเพียง ส.ส.ในสภา

แต่เราเห็นว่า เรามีศักยภาพมากกว่านั้น เราจึงต้องดิสรัปต์ตัวเองเพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมกันคิด ร่วมกันฝ่าวิกฤตของประเทศที่มีอยู่ ณ ขณะนี้ ทั้งนี้ เคล็ดลับที่จะฝ่าวิกฤตได้ ผมแบ่งเป็นเคล็ดลับเป็น 3 ชุด คือ

คน-คิด-เคลื่อน โดย “คน” ต้องเป็นคนที่มีแพสชั่น มีความมุ่งมั่น เราต้องเชิญชวนเอาคนเหล่านี้เข้ามาช่วยกันคิด ส่วน “คิด” ต้องเป็นการระดมสมอง เรามี ส.ส. เรามีผู้แทนที่ใกล้ชิดกับประชาชน เรารู้ว่าประชาชนมีปัญหาหรือความทุกข์อะไร เมื่อเรารู้เหตุแห่งปัญหา เราก็หาทางแก้ ที่ผ่านมาเราจึงนำประเทศไปสู่การเปลี่ยนแปลง และฝ่าวิกฤตให้กับประเทศได้เสมอมา ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น ต้มยำกุ้ง โรคระบาด ฯลฯ และ “เคลื่อน” คือการปฏิบัติ ที่ผ่านมาเราครองใจประชาชนได้ เพราะเราเป็นนักปฏิบัติ เราทำมากกว่าพูด

สำหรับเคล็ดลับการบริหาร ขอแบ่งเป็น 3 ตัว คือ ICE โดย I (Inclusive) คือ ระดมความเป็นเจ้าของและการมีส่วนร่วม ส่วน C (Collaborative) คือความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ ประสานประโยชน์อย่างเหมาะสม

และ E (Empower) ทำให้ประชาชนมีอำนาจ มีสิทธิ มีศักดิ์ศรี ผ่านโครงการต่างๆ ที่ทำให้เกิดความเท่าเทียม เช่น โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค และการปรับทัศนคติว่าข้าราชการไม่ใช่ “นาย” แต่เป็น “ผู้ให้บริการ” เป็นต้น

เคล็ดลับต่อมา คือ 3C ซึ่งเป็นพลังแห่งความสร้างสรรค์ โดย C ตัวแรกคือ Creative คือการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ คนรุ่นใหม่ พลังสร้างสรรค์สูงกว่า ผู้ใหญ่ต้องรับฟังและเลือกเป็น, C ตัวที่สองคือ Communication เลือกสาระ เข้าใจเจตนาร่วม จึงจะบริหารประเทศสำเร็จ และ C ตัวที่สามคือ Contest การแข่งขัน ซึ่งจะช่วยให้เกิดพลังที่สร้างสรรค์และท้าทาย

คณาพจน์ โจมฤทธิ์
ผู้อำนวยการทีมคิดเพื่อไทย

ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องร่วมมือกันระดมกำลังหาแนวทางแก้ไขปัญหาภายในประเทศในวันนี้ และปลุกความหวังคนในสังคมไทยขึ้นมาอีกครั้ง โดยวันนี้ สิ่งที่เราจะทำเป็นการทำผ่านรูปแบบทางการเมืองครั้งแรกของเมืองไทย ที่คนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนนโยบายนี้ ผนึกกำลังกับทางพรรคเพื่อไทยที่มีบุคลากรทางการเมืองไม่ว่าจะเป็น อดีตผู้บริหารประเทศ ส.ส. ที่มีประสบการณ์ทางการเมือง และผนึกกำลังกับระบบของพรรคเพื่อไทยที่มีความเป็นสถาบันทางการเมือง

ดังนั้น ผมคิดว่าเมื่อมี 3 ส่วนครบแล้วจะทำให้แสวงหานโยบายที่ตอบโจทย์กับสถานการณ์ยุคปัจจุบันได้ผ่านโครงการ The Change Maker

ทั้งนี้ โครงการ The Change Maker เป็นรูปแบบโครงการที่มีนวัตกรรมทางการเมืองที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยการเรียนรู้ผ่านการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ที่จะใช้วิธีการที่ให้ผู้เข้าร่วมโครงการ มาร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมลงพื้นที่จริงกับ ส.ส.ในพื้นที่ จะมีการสร้างสรรค์นโยบายและผลงานให้เป็นรูปธรรม เข้าไปรับฟังปัญหาจากประชาชนจนไปถึงการสร้างต้นแบบของนโยบาย เพื่อที่จะได้นำนโยบายเหล่านี้ปรับใช้และต่อยอดเกิดเป็นนโยบายที่ใช้ได้จริงในอนาคต

ในวันนี้จึงต้องมีการคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน 100 คน ผู้ที่สนใจสามารถส่งคลิปวิดีโอความยาวไม่เกิน 3 นาที ระบุบปัญหาของประเทศและแนวทางการแก้ไขในมุมมองของตัวเอง โดยผู้ที่ได้รับการเข้าร่วมโครงการจะได้มาเข้าร่วมกระบวนการออกแบบนโยบายสร้างสรรค์

เราจะร่วมกันตั้งนโยบายเหล่านี้ให้มาเป็นโปรเจ็กต์ทดลอง พรรคเพื่อไทยจะได้นำนโยบายเหล่านี้ไปใช้ในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาระดับประเทศอย่างแท้จริงในอนาคต แนวคิดและนโยบายต่างๆ ที่คิดผ่านโครงการนี้ โดยผู้เข้าร่วมโครงการทางพรรคเพื่อไทยจะทำการสนับสนุนทางด้านทรัพยากรต่างๆ ที่เราจะทำนโยบายต่างๆ เหล่านี้เป็นนโยบายในอนาคตของพรรคเพื่อไทยได้จริง

พรรคเพื่อไทยเน้นย้ำถึงการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ต้องการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง คนที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้จะสร้างพื้นที่ให้มีการแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงความรู้ความคิดและประสบการณ์อย่างใกล้ชิดกับพรรคเพื่อไทย

คิดเพื่อไทยทาเลนต์แบงก์ คือ รูปแบบที่ผู้เข้าร่วมโครงการทุกคน หรือเป็นบุคคลภายนอกที่อยากจะเข้าร่วมกับการทำงานของพรรคเพื่อไทย ทุกท่านจะสามารถเรียนรู้ผ่านคอร์สออนไลน์ และกิจกรรมอื่นๆ ที่ทางพรรคจัดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

จึงขอเรียนเชิญทุกคน ที่อยากเปลี่ยนแปลง อยากขับเคลื่อนประเทศ ยังมีไฟ มีไอเดียและอยากลงมือทำ เข้ามาร่วมสมัครกับโครงการ The Change Maker เพื่อที่เราทุกคนจะร่วมกันหาทางออกจากวิกฤตครั้งใหญ่และครั้งใหม่นี้ของประเทศไทยด้วยกันสิ่งที่จะได้กลับมาคือเราสามารถเดินไปข้างหน้า เดินก้าวไปสู่อนาคตที่มีความหวังด้วยกันอีกครั้ง

สุดท้ายรูปแบบการเปิดรับสมัครผ่านกูเกิลฟอร์ม รายละเอียดการรับสมัครและความคืบหน้าของโครงการต่างๆ ผ่านช่องทาง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม เพียงพิมพ์คำว่า thinkpheuthai เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึงเวลาแล้วที่เราคิดได้สร้างได้ด้วยมือของเรา

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image