‘ณัฐชา’เปิดคลิป-‘ชัยชาญ’โต้ ชำแหละทหารปฏิบัติการ‘ไอโอ’

‘ณัฐชา’เปิดคลิป-‘ชัยชาญ’โต้ ชำแหละทหารปฏิบัติการ‘ไอโอ’

หมายเหตุนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีเป็นรายบุคคลต่อเป็นวันที่ 4 โดยอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กรณีปฏิบัติการทางข้อมูลสื่อสารของกองทัพหรือปฏิบัติการไอโอ ซึ่ง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงแทน

ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์
ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล

Advertisement

วันนี้ประเทศไทยเราอยู่ในประเทศที่มีทหารเป็นใหญ่ มีอดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่เดินทางจากวันนั้นถึงวันนี้ ก้าวเข้าสู่ตำแหน่งนายกฯ มีนายกฯที่ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คงเป็นความภูมิใจของทหารไม่ใช่น้อย แม้พวกผมจะไม่ภูมิใจกับพฤติกรรมอย่างนี้ วันนี้พฤติกรรมของคำสั่งผู้บังคับบัญชามีออกมามากมายทำให้เหล่าทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างสมศักดิ์ศรีต้องพลอยมัวหมองไปด้วย

แทนที่จะต้องมาปกป้องประชาชนจากศัตรู กลับต้องมาทำสงครามน้ำลายกับประชาชนในโลกออนไลน์ คือเรื่องของปฏิบัติการทางข้อมูลสื่อสารของกองทัพ หรือปฏิบัติการไอโอ

ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี น่าจะรู้ดีเนื่องจากมีคนของกองทัพเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจำนวนมาก

Advertisement

จากการอภิปรายเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีการพูดถึงกองทัพ แต่การตอบของนายกฯยังเป็นที่เคลือบแคลงใจสงสัย เราพูดกันเรื่องงบประมาณ การซื้อของแพงเกินจริงตั้งแต่กางเกงในยันเรือดำน้ำ

สุดท้ายนายกฯตอบว่า พวกผมไม่รักทหาร ซึ่งไม่ตรงคำถาม และการที่แอบอ้างว่ารักชาติรักแผ่นดิน แล้วกล่าวหาคนอื่นว่าไม่รักชาติ ไม่รักแผ่นดิน อย่างนี้หรือที่เรียกว่าพฤติกรรมของผู้นำ และกำลังทำตัวเป็นชาติเสียเอง

ผมขอกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ 3 ข้อ คือ 1.ไม่ปฏิบัติตามนโยบายเร่งด่วน 12 ประการที่แถลงไว้ในสภา โดยเฉพาะข้อที่ 7 ที่สัญญาว่าจะป้องกันและลดผลกระทบเชิงสังคม ความปลอดภัย อาชญากรรมทางไซเบอร์

แต่ตรงกันข้ามท่านกลับก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์เสียเอง เผยแพร่ข่าวสร้างวาทกรรมเกลียดชัง ด้อยค่าประชาชน โจมตีผู้วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล มองประชาชนเป็นศัตรู 2.จงใจใช้งบประมาณ แผ่นดิน เวลาราชการ บุคลากรของรัฐ สร้างความเกลียดชังโจมตีพรรคการเมืองฝ่ายค้าน โจมตีนักสิทธิมนุษยชนโจมตีประชาชนทั่วไป ไม่สอดคล้องกับพันธกิจของหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกรมประชาสัมพันธ์ ศูนย์ปฏิบัติการนายกฯ หรือแม้กระทั่งกองทัพทุกเหล่าทัพ และ 3.มีพฤติกรรมโกหกซ้ำซาก ปฏิเสธว่าไม่เคยมีปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร แต่ท่านไม่ตอบใดๆ ให้ประชาชนได้รับรู้ ไม่ตอบสนองการตรวจสอบของประชาชน ไม่ตอบสนองการตรวจสอบของสภา หรือพูดง่ายๆ ท่านไม่สนโลกอะไรเลย ยังคงทำตัวเป็นหัวหน้าแก๊ง ยุยงปลุกปั่น เผยแพร่ข่าวปลอมแก่ประชาชน เป็นคนชักใยกลไกต่างๆ เพียงเพื่อค้ำยันบัลลังก์อำนาจของตนเอง

ข้อกล่าวหาทั้ง 3 ข้อ ผมเชื่อว่านายกฯรู้อยู่แก่ใจว่าทำอะไรลงไป และเผลอๆ รู้ด้วยว่าวันนี้ผมจะถามอะไร แต่วันนี้รู้และหลักฐานทนโท่ ประชาชนรู้ทั้งประเทศ ผมอยากรู้ว่าครั้งนี้จะปฏิเสธอย่างไร จะปฏิเสธอย่างชายชาติทหารว่าไม่รู้ไม่เห็นอีกหรือไม่ วันนี้เรามาดูกัน ถ้าหลักฐานที่ผมจะเอามาพูดแล้วบอกว่าไม่รู้ ไม่ใช่ อย่างนี้อาการหนักแน่นอน

(ทั้งนี้ นายณัฐชาได้เปิดคลิปวิดีโอการประชุมคอนเฟอเรนซ์ ของการประชุมมณฑลทหารบกที่ 21 โดยในเนื้อหาของวิดีโอดังกล่าวระบุเป็นการสั่งมอบภารกิจให้โจมตีข้อมูลของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งตอนหนึ่งของวิดีโอมีการเปิดเผยว่าเป็นคลิปเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็น 4 วันก่อนที่จะมีการยุบพรรคอนาคตใหม่
แต่การประชุมในวันดังกล่าว ผู้บังคับบัญชากลับสั่งให้ลูกน้องของตนเองเตรียมตัวรับมือกับการยุบพรรคที่จะมาถึง อาจมีการโจมตีทหารมากขึ้นก็ขอให้พวกเราช่วยประชาสัมพันธ์ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อกองทัพ)

เป็นไปได้อย่างไรว่าทหารรู้กันทั้งกองทัพล่วงหน้าแล้วว่าจะมีการยุบพรรค อีกทั้งยังมีการเน้นย้ำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาอย่าทำเอกสารหลุดไปถึงมือสื่อมวลชน โดยเฉพาะเอกสารด้านการเงิน และเมื่อชมคลิปแล้วท่านจะบอกอีกหรือไม่ทหารไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ทหารไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ไม่มีปฏิบัติการข้อมูลข่าวสารจากกองทัพ ไม่รู้ไม่เห็นว่าข้าราชการ นายทหารไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการสั่งการปฏิบัติการลับต่างๆ ผมคิดว่าทหารรู้ดีว่าถ้ากำหนดศัตรูผิดตัวก็น่าจะมีแต่ความพ่ายแพ้ เพราะกำหนดศัตรูที่ไม่มีอยู่จริงแล้วเฝ้าโจมตีอยู่แต่กับประชาชน คิดว่าวันนี้คนที่ชื่นชมท่านน่าจะมี แต่ท่านนำสิ่งแปลกปลอมเข้าไปเจือปนจนวันนี้ไม่เหลืออีกแล้ว นี่คือปฏิบัติการไอโอของกองทัพ 100 เปอร์เซ็นต์

เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีเอกสารว่าด้วยการทำไอโอผ่านการอบรมหลักสูตรจิตอาสา มีกลไกการทำงานแบ่งเป็นทีม มีทีมขาว ทีมดำ ฝ่ายขาว คอยพีอาร์ประชาสัมพันธ์เชิดชู เทิดทูน ฝ่ายดำมีการทำงานโจมตีมุ่งด้อยค่าประชาชน ด้อยค่าฝ่ายตรงข้าม กล่าวหาไม่จงรักภักดี มีการแบ่งทีม “ซ1” เด็กหัดเล่นใหม่ ทีม “ซ2” เล่นเป็นแล้วคอยกดไลค์ กดติดตาม เพิ่มความน่าเชื่อถือ ทีม “ซ3” คอยผลิตข้อความยาวๆ สร้างสรรค์ ที่คิดมาแล้วทุกรูปแบบ ที่จะโจมตีฝ่ายตรงข้ามได้ ส่วนฝ่ายดำ “ซ3.2” ทำงานคล้ายๆ ซ3 ทุกอย่าง แต่คอยผลิตวาทกรรม ข้อความด้านมืด เน้นโจมตี “ฝตข” คือฝ่ายตรงข้าม และจะต้องกดไลค์ กดติดตามคนที่มีพฤติกรรมเดียวกันคือโจมตีฝ่ายตรงข้าม เพื่อสร้างโครงข่ายมีทั้งตัวจริง ตัวปลอมสลับกันไปมา และเอกสารดังกล่าวยังมีการสั่งการผ่านสองแอพพลิเคชั่นให้กับหน่วยงานเอกชนผลิตแอพพ์ ให้เพื่อสะดวกแก่การสั่งการปลอดภัยแก่การปฏิบัติหน้าที่ คือทวิตเตอร์ บอตแชต ใช้ในการปั่นแท็ก สามารถทวีตข้อความได้เป็นร้อยข้อความได้ และฟรีแมนเซ็นเจอร์ สองแอพพ์นี้ใช้ในระดับแกนนำ ระดับนายพล และระดับผู้บังคับบัญชา เพราะถ้าเป็นไลน์กลุ่มอาจจะโดนทลายได้

แต่ระดับปฏิบัติการพลทหารชั้นประทวนยังใช้ไลน์กลุ่มอยู่ แต่เพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้นโดยเป็นไลน์โอเพ่นแชต โดยจะต้องมีการกดยอมรับก่อนว่าเป็นพวกเดียวกันหรือไม่ โดยฝ่ายพัฒนาแอพพลิเคชั่นตั้งรหัสพัฒนาว่า จิตอาสาไอไอ เพื่อให้ทราบว่าเป็นของกองทัพ

การใช้งานของทั้งสองแอพพ์นี้มีหน่วยงานของกองทัพใช้แล้ว โดยมีเป้าหมายชัดเจนว่าจะต้องมีบัญชีไอโอทั้งหมด 54,800 บัญชี ผ่านการควบคุมของกองทัพ 19 หน่วยงานพร้อมกันนั้นยังสอนการปั่นทวิตเตอร์และการทำงาน

อย่างไรก็ตามเอกสารนั้น พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ยืนยันว่าเป็นของจริง ทำเพื่อประชาสัมพันธ์กองทัพ และเป็นการพัฒนาสื่อสารออนไลน์ ขอตั้งคำถามว่าการประชาสัมพันธ์ ทำไมมีฝ่ายขาว เพื่อเชิดชู และสรรเสริญ ฝ่ายดำเพื่อโจมตี หากประชาสัมพันธ์แบบนี้คนยิ่งเกลียด และเชื่อว่าประชาชนไม่ยอมหากจะใช้งบประมาณที่มาจากเงินภาษีของประชาชน เพื่อสร้างกระแสปลอมๆ แบบนี้ ทั้งนี้กรณีที่เกิดขึ้นปีที่ผ่านมาทวิตเตอร์สั่งแบนบัญชีผู้ใช้ปลอมและปั่นกระแสจำนวนมาก

การปั่นกระแสดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับกองทัพบก โดยมี พล.ต.จักรชัย ศรีคชา ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) สั่งการให้ด้อยค่าความเป็นมนุษย์ และมี พ.ท.ธรรม์ มาลัยทอง กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ หรือ เฮียตือ หนามเป้า สั่งการหลังบ้านเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งกรณีดังกล่าวถือว่าใช้กองทัพแบ่งแยกประชาชน เพื่อสร้างความเกลียดชัง และทำเพื่อประโยชน์ของนายกรัฐมนตรีและพวกพ้อง ทั้งนี้การปฏิบัติการไอโอยังขยายจากสังคมออนไลน์ มายังกรมประชาสัมพันธ์ อยู่ภายใต้การกำกับของ พล.อ.ประยุทธ์ และที่มี พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด เป็นอธิบดี ที่นำงบประมาณแผ่นดินผลิตรายการคุยถึงแก่น ตลอดเดือนมกราคม 2564 พบว่ารายการ 2 ชั่วโมง มีเนื้อหา 40 นาทีโจมตีฝ่ายตรงข้าม เชื่อว่าการแพร่ขยายดังกล่าวจะกระทบพรรคการเมือง นักการเมือง และ ประชาชน เพราะสร้างความแตกแยกและความเกลียดชัง

นอกจากนั้น ยังพบการสร้างความเกลียดชังผ่านทวิตเตอร์ ผ่านศูนย์ปฏิบัติการนายกฯ ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นตนเชื่อว่าคือการปกป้องอำนาจตนเอง ไม่ใช่การปกป้องสถาบันเบื้องสูง

ผมขอฝากกลอนไปยังนายกฯพิจารณาเพื่อปรับและยุติพฤติกรรม

“ทุกวันนี้ศึกไกลไม่ห่วง
แต่หวั่นทรวงทหารไทยไล่ข่มเหง
เป็นไอโอยุแยกแตกกันเอง
รั้วของชาติมาข่มเหงประชาชน”

พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม

การที่ผู้อภิปรายระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์มีนโยบายสั่งการปฏิบัติการไอโอนั้น ยืนยันว่าท่านไม่ได้มีนโยบายหรือสั่งการให้หน่วยงานใดหรือทหารไปดำเนินการตามข้อกล่าวหาเลย ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันในโซเชียลมีเดีย มีข้อความที่ไม่ถูกต้อง เป็นเท็จ

ซึ่งผู้อภิปรายพูดว่าก่อให้เกิดความเกลียดชัง แตกแยก มีผลกระทบต่อสถาบัน ความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงของประเทศ ตรงนี้มีอยู่จริง เพราะถ้าเข้าโซเชียลจะเห็นว่ามีอย่างต่อเนื่องและเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่กองทัพทำคือการให้ทหารเรียนรู้และเข้าใจเทคโนโลยี ติดตามสื่อได้เท่าทัน มีสติและพิจารณาได้ถูกต้องว่าข้อความที่อยู่ในโซเชียลถูกต้องเป็นจริงหรือไม่ จะพูดหรือส่งต่อต้องใช้วิจารณญาณเพราะมีผลกระทบต่อความมั่นคง

จึงเป็นที่มาของการจัดการอบรมให้ความรู้กำลังพลได้เข้าใจวิธีการใช้สื่อโซเชียล อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์

ทั้งนี้ บัญชีมีการเปิดเผยชัดเจน ไม่ได้ปิด ถ้าบัญชีปิดท่านคงไม่มีรายชื่อ เพราะฉะนั้น ไม่ได้ทำเพื่อให้ร้ายใคร ผู้อภิปรายโยงไปโยงมาเหมือนกับว่ามีความชำนาญ เชี่ยวชาญในการทำมากกว่ากองทัพ

ส่วนการพูดถึงฝ่ายขาว ฝ่ายดำ ฝ่ายตรงข้ามนั้น เป็นลักษณะวิธีการเรียนรู้ ฝึกปฏิบัติการ ไม่ได้หมายความว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นประชาชน

ส่วนโครงการจิตอาสาพระราชทานก็มีการแสดงตัวตนที่ชัดเจน ความประสงค์ของโครงการนี้คือประชาสัมพันธ์ประวัติศาสตร์ สถาบัน โครงการพัฒนา และให้ความรู้ประชาชนว่ากองทัพมีภารกิจใด

ส่วนวีดิทัศน์ที่นำมาเปิดฉายนั้น ส่วนตัวก็เพิ่งเห็นและไม่ทราบว่าเกิดขึ้นอย่างไร แต่สิ่งสำคัญคือเราจะทำอย่างไรให้สังคมอยู่ร่วมกันได้ เพราะทหารก็เป็นประชาชนต้องได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและใช้ข้อมูลอย่างมีวิจารณญาณ

ส่วนที่กล่าวถึงสื่อกรมประชาสัมพันธ์นั้นก็เป็นลักษณะประชาสัมพันธ์ผลงานให้ประชาชนได้รับทราบ หากเราไปดูสื่อต่างๆ ก็มีลักษณะเช่นนี้

ดังนั้น ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่านายกฯไม่มีนโยบายหรือสั่งการให้กองทัพหรือหน่วยต่างๆ ไปใส่ร้ายประชาชนหรือทำให้ประชาชนเกิดความแตกแยกหรือเกลียดชัง

เพียงแต่ทำให้ประชาชนได้รับทราบผลงานและสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อความสงบเรียบร้อย ไม่เกิดความขัดแย้ง เกลียดชังกันในสังคม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image