บทนำวันจันทร์ที่22กุมภาพันธ์2564 : ประโยชน์จากซักฟอก

การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 10 คน ระหว่างวันที่ 16-19 กุมภาพันธ์ เสร็จสิ้นลงไปแล้ว โดยเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ มีการลงมติ ซึ่งผลการลงมติสรุปว่า สภาผู้แทนราษฎรให้ความไว้วางใจรัฐมนตรีทุกคน ดังนี้ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับความไว้วางใจ 272 ต่อ 206 คะแนน งดออกเสียง 3 คน 2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้รับความไว้วางใจ 274 ต่อ 204 คะแนน งดออกเสียง 4 คน 3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้รับความไว้วางใจ 275 ต่อ 201 คะแนน งดออกเสียง 6 คน 4.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้รับความไว้วางใจ 268 ต่อ 207 คะแนน งดออกเสียง 7 คน

5.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับความไว้วางใจ 272 ต่อ 205 คะแนน งดออกเสียง 3 คน 6.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับความไว้วางใจ 258 ต่อ 215 คะแนน งดออกเสียง 8 คน 7.นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้รับความไว้วางใจ 263 ต่อ 212 คะแนน งดออกเสียง 5 คน 8.นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้รับความไว้วางใจ 268 ต่อ 201 คะแนน งดออกเสียง 12 คน 9.นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับความไว้วางใจ 272 ต่อ 206 คะแนน งดออกเสียง 4 คน 10.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับความไว้วางใจ 274 ต่อ 199 คะแนน งดออกเสียง 5 คน

ผลการอภิปรายไม่ไว้วางใจในภาพรวมถือว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีสอบผ่าน ผลคะแนนที่ออกมามีความแตกต่าง ถือเป็นผลจากความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างรัฐมนตรีกับพรรค และความสัมพันธ์กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแต่ละกลุ่ม ขณะที่พรรคการเมืองฝ่ายค้าน พอใจต่อการนำเสนอข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ และเชื่อว่าประชาชนที่รับฟังการอภิปรายไม่ไว้วางใจสามารถประเมินผลได้เองว่าไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งผลการประเมินจากประชาชนย่อมกระทบถึงการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐมนตรีแต่ละคนต่อไป เช่นเดียวกับการทำหน้าที่ของประธานสภา รองประธานสภา และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่แสดงออกมาตลอดระยะเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ย่อมตกอยู่ในสายตาของประชาชนเช่นกัน

การตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลด้วยการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ถือเป็นการทำหน้าที่ที่เกิดผล หาก พล.อ.ประยุทธ์ สามารถนำเอาข้อมูลและเสียงสะท้อนไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการบริหาร หากรัฐมนตรีแต่ละคนนำเอาสิ่งที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาดังกล่าวไปพัฒนางานในหน้าที่ก็จะเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไปที่ติดตามข่าวสารการอภิปรายไม่ไว้วางใจมาตั้งแต่ต้น ย่อมมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น และเชื่อว่าข้อมูลต่างๆ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเป็นข้อมูลที่ประชาชนจะจับจ้องมองการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลว่ามีพฤติการณ์เหมือนหรือต่างจากข้อกล่าวหาตามญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ ต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image